A A

9-5 คำสวดระลึกถึงพระคุณ 3 อย่างในศาสนาคริสต์และศาสนาพุทธ

สมัยผมเป็นนักเรียน ผมเรียนอยู่ในโรงเรียนที่สอนศาสนาคริสต์ ผมจำได้ว่า หลังสวดมนต์ขอบคุณพระเจ้าเสร็จ จะมีการเอ่ยระลึกถึงพระคุณของพระเจ้าว่า
“ พระบิดา พระบุตร และพระจิต ”
เสร็จแล้วก็ลงท้ายว่า “ เอเมน ”
ในศาสนาพุทธของเรา พระพุทธองค์ก็สอนให้ระลึกถึงพระคุณ 3 อย่างคือ
“ พระพุทธ พระธรรม และพระสงฆ์ ”
หลังจากพระเทศน์หรือสวดเสร็จ จำได้ว่าชาวพุทธจะเอ่ยลงท้ายว่า “ สาธุ ”
มันช่างบังเอิญจริงๆ หรือนี่มันอาจจะไม่ใช่การบังเอิญก็ได้ แต่มันอาจจะเป็นรหัสลับที่พระเจ้า(แท้จริง)เปิดเผยให้มนุษย์รู้ จะได้ไม่ต้องทะเลาะและขัดแย้งกันเรื่องศาสนา องค์พระผู้เป็นเจ้าแท้จริง พระองค์ท่านเป็นพระเจ้าแท้จริงของสรรพจิต และสรรพชีวิตทั่วทั้งจักรวาล พระเจ้าแท้จริงเป็นจิตที่บริสุทธิ์ แต่พระองค์มีพระวรกายมากมาย จิตใดที่บริสุทธิ์แล้ว ก็ได้ชื่อว่า จิตนั้นได้กลับกลายเป็นองค์พระผู้เป็นเจ้า(แท้จริง) หรือเป็นภาคหนึ่งหรือส่วนหนึ่งขององค์พระผู้เป็นเจ้า(แท้จริง)แล้วนั่นเอง
ถ้าท่านไม่เอาความเชื่อทางศาสนาของท่านเข้ามาเกี่ยว ท่านก็จะตีความได้ไม่ยากว่า พระบิดาหรือพระเจ้า(แท้จริง)ที่ศาสนาคริสต์พูดถึง ก็มีความหมายแบบเดียวกับที่ผมบอกว่าพระพุทธเจ้าก็คือพระเจ้า(แท้จริง) และเป็นส่วนหนึ่งของพระเจ้า(แท้จริง) ท่านจะเรียกพระองค์ว่าพระยะ…… หรือจะเรียกชื่ออื่นใดๆก็ได้ แล้วแต่ศรัทธาของท่าน แล้วพระธรรมก็หมายถึงพระจิต พระพุทธเจ้าตรัสว่า
“ ผู้ใดเห็นพระธรรม ผู้นั้นได้ชื่อว่าเห็นตถาคต(พระพุทธเจ้า)”
แท้จริงพระเจ้า(แท้จริง)นอกจากเป็นจิตแล้ว ยังอยู่ในจิตของมนุษย์ด้วย พระองค์จะคอยช่วยเทศนา หรือช่วยสั่งสอนบอกธรรมแก่มนุษย์ทุกคนทางใจ ขอเพียงพวกมนุษย์เปิดใจของ
พวกเขา รับพระธรรมจากพระองค์เท่านั้น
ส่วนคำว่า “พระสงฆ์” บังเอิญไปตรงกับคำว่า “พระบุตร” ในศาสนาคริสต์ ท่านต้องรู้ว่า พระเยซูผู้นี้เป็นมนุษย์ แต่เป็นมนุษย์ผู้เสียสละชีวิตของตัวเองเพื่อมนุษย์ในโลก ท่านผู้นี้น่าจะเป็นพระอรหันต์แล้ว เมื่อท่านถูกทรมานโดยทหารโรมัน ท่านมีการเจ็บทางกายแบบสุดๆ แต่ท่านก็ทราบในจิตของท่านว่า ร่างกายหรือสังขารนี้ เกิดจากการปรุงแต่งของอวิชชาเท่านั้น เนื้อหนังมังสานี้เป็นแค่ธาตุและขันธ์เท่านั้น พระเยซูท่านคงไม่ได้เรียนพุทธศาสนามาก่อน แต่พระคริสต์หรือพระบุตรท่านนี้ ท่านคงบรรลุพระธรรมสูงสุดเอาเอง โดยผ่านการสอนทางใจจากพระเจ้า(แท้จริง)ในจิตของท่าน ไม่เช่นนั้น ท่านจะทนรับความทารุณแบบสุดๆได้อย่างไร
ตามประวัติของพระเยซู ท่านรู้ล่วงหน้าด้วยว่า ท่านจะถูกทรมานแบบสุดๆจนกระทั่งตาย แต่ท่านยอมรับ ท่านมิได้ปฏิเสธและวิงวอนขอให้ผู้มีอำนาจในสมัยท่าน ช่วยไว้ชีวิตและไม่ต้องทรมานท่าน จิตของพระเยซูหรือพระคริสต์ผู้นี้ ถ้าไม่เข้าสู่ขั้นอรหันต์แล้ว ท่านจะยอมรับภาระการทรมานแบบนี้ไหวหรือ
ผมบอกท่านผู้อ่านในหนังสือเล่มแรกแล้วว่า อาณาจักรของพระคริสต์ผู้นี้มีจริง ผมสัมผัสความสุขจากกายของวิญญาณเทพที่ชื่อว่าตี่ได้ ที่น่าแปลกคือ ตี่คนนี้เป็นคนที่นับถือพุทธศาสนาอย่างเหนียวแน่น จนกระทั่งวันตาย ผมสงสัยในใจมานานแล้วว่า ตี่เข้าไปอยู่ในแผ่นดินสวรรค์ของพระคริสต์ได้อย่างไร แม้ว่าอดีตคนรักของตี่ ที่ตายไปก่อนหน้าตี่ เธอจะเป็นคาทอลิกก็ตาม แต่ตามคำสอนของนักบวชในศาสนาคริสต์ ตี่เมื่อไม่เปลี่ยนศาสนา ก็ไม่มีสิทธิ
เข้าไปในสวรรค์ของพระคริสต์
สวรรค์ของพระคริสต์แห่งนี้เป็นสวรรค์แบบพิเศษคล้ายพรหมโลก ดินแดนแห่งนี้น่าจะได้บังเกิดขึ้นจากปณิธานหรือความปรารถนาของพระเยซู โดยพระองค์ได้ยอมเสียสละเลือดและเนื้อของพระองค์เพื่อบวงสรวงแด่พระเจ้าแท้จริง องค์พระผู้เป็นเจ้า(แท้จริง)จึงได้เนรมิตสวรรค์แห่งนี้ขึ้นมา เพื่อให้พระคริสต์ปกครอง สิทธิทั้งหมดในการเข้าไปในอาณาจักรแห่งนี้จึง เป็นของพระเยซูคริสต์แต่เพียงผู้เดียว
ด้วยเหตุนี้ ตี่ซึ่งเป็นคนต่างศาสนา จึงน่าจะหมดสิทธิ์เข้าไปในดินแดนแห่งนี้โดยเด็ดขาด ยกเว้นว่าองค์พระผู้เป็นเจ้าแท้จริง ท่านเป็นจิตที่บริสุทธิ์ แล้วจิตที่บริสุทธิ์ที่สุดในศาสนาพุทธก็คือ จิตของพระพุทธเจ้า และจิตของพระอรหันต์ที่นิพพานไปแล้วทุกพระองค์ ตามคัมภีร์ไบเบิลก็ระบุว่าพระบิดาหรือพระยะโฮวาหรือพระเจ้าแท้จริงนั้น พระองค์เป็นจิตบริสุทธิ์
เมื่อเป็นดังนี้ พระพุทธเจ้าและบรรดาพระอรหันต์ทุกพระองค์ พวกท่านได้กระทำจิตของพวกท่านให้บริสุทธิ์ที่สุดแล้ว พวกท่านจึงได้กลับกลายเป็นพระเจ้า(แท้จริง) และเป็นภาคหนึ่งหรือส่วนหนึ่งของพระเจ้า(แท้จริง) พระเจ้าแท้จริงอาจจะปรากฏพระวรกายเป็นพระพุทธเจ้า หรือจะปรากฏกายเป็นพระอรหันต์องค์ใดก็ได้ แต่รูปแบบที่ปรากฏนั้น จะต้องเป็นรูปแบบที่ตี่ซึ่งเป็นผู้นับถือศาสนาพุทธ และไม่ยอมเปลี่ยนศาสนาไปเป็นศาสนาอื่น คงต้องยอมรับจนหมดใจ เลยทำให้วิญญาณของตี่ผู้นี้ ยินดีเข้าศาสนาคริสต์โดยสมัครใจและเต็มใจ
อนึ่ง มนุษย์เป็นผู้แบ่งแยกและขัดแย้งกันเองเรื่องศาสนา พระเจ้า(แท้จริง)พระองค์ทรงมีพระองค์เดียวคือ เป็นใจหรือจิตที่รู้แจ้งและบริสุทธิ์ แต่กายของพระองค์มีมากมาย อาจจะเป็นอนันต์เลยก็ได้ จิตของพระองค์สามารถสั่งให้ควาร์ค ซึ่งเป็นพระวรกายของพระองค์ ก่อรูปปรากฏพระโฉมเป็นอย่างใดก็ได้
ผมกำลังพยายามบอกกับท่านว่า ตี่ผู้นี้โชคดีจริงๆ ตี่น่าจะได้รับเหล้าองุ่นและขนมปังชิ้นเล็กๆจากมือของพระเยซู หรือสานุศิษย์ของท่านในโลกวิญญาณ ซึ่งเป็นกรรมวิธีที่พระเยซูคริสต์กำหนดขึ้น เพื่อให้วิญญาณดวงนั้นสามารถเข้าไปอยู่ในอาณาจักรสวรรค์ของพระองค์
การเปลี่ยนศาสนาของตี่จากพุทธเป็นคริสต์ จึงเป็นการเปลี่ยนหลังจากความตาย ตี่อาจจะได้รับสิทธิพิเศษอันนี้ เพราะตี่ต้องทำงานชิ้นหนึ่งให้พระเจ้า(แท้จริง) งานของตี่ก็คือ การมาสัมผัสตัวผม ซึ่งมีพรสวรรค์สามารถรับรู้ภพภูมิของวิญญาณได้ จากการถูกสัมผัสเพียงครั้งเดียว ด้วยลักษณะนิสัยของผม ซึ่งเป็นคนปากหมา ชอบพูดแต่ความจริง ไม่สนใจว่าชาวพุทธหรือชาวคริสต์จะต่อว่าผมอย่างไร ผมไม่สนทั้งสิ้น นอกจากนี้ผมยังไม่เสียดายเงินทองในการพิมพ์หนังสือแจก ขอเพียงเผยแพร่งานของพระเจ้า(แท้จริง)ได้บ้างเล็กๆน้อยๆ เท่านี้ผมก็พอใจแล้ว
ก่อนจบบทนี้ ผมต้องขอย้ำว่า พระเยซูคริสต์ จิตของท่านผู้นี้น่าจะเป็นพระอรหันต์แล้ว แต่ท่านไม่ยอมเข้าสู่แดนนิพพาน เพราะท่านมีเมตตากรุณาต่อมวลมนุษย์ ผมซึ่งเป็นชาวพุทธแต่เมื่อผมทำสมาธิ เวลาผมท่องบริกรรมว่า “ รัก เมตตา กรุณา ให้อภัย ” ผมจะนึกถึงใบหน้าของพระคริสต์ท่านนี้ ใจผมจะสงบเป็นสมาธิมากกว่าการท่องบริกรรมเฉยๆ
มนุษย์หรือสรรพสัตว์ใดก็แล้วแต่ ถ้าใจของเขาสามารถละกิเลส ตัณหา และอุปทานได้เมื่อเขาละขันธ์หรือเสียชีวิตไปแล้ว ใจของเขาก็จะเข้าไปรวมและไปเป็นหนึ่งเดียวกับองค์พระผู้เป็นเจ้า(แท้จริง)เอง
อย่าลืมว่า พระเจ้า(แท้จริง)เป็นจิตบริสุทธิ์ที่รู้แจ้ง(สัพพัญญู)

ความคิดเห็น