A A

คำนำ

คำนำของผู้เขียน
           หลายเดือนก่อน ผมได้ทำการแจกจ่ายหนังสือเรื่อง ผีอำ “ประตูลับสู่โลกวิญญาณ” ไป จำนวน 39,000 เล่ม ท่านผู้อ่านจำนวนไม่น้อย ยิงคำถามใส่ผมเรื่องศาสนาที่ผมนับถือ คำถามนี้แทงใจผมเหลือเกิน ผมอยากจะตอบท่านผู้อ่านไปตามตรงว่า ความจริงผมนับถือศาสนาพุทธแต่เป็นพุทธที่เชื่อและนับถือในพระเจ้าแท้จริง อย่างไรก็ดี ผมก็ไม่ต้องการตอบโดยไม่มีคำอธิบายเพิ่มเติม เพราะศาสนาพุทธที่แพร่หลายอยู่ในเมืองไทย คนจำนวนมากรวมทั้ง
พระภิกษุชั้นผู้ใหญ่และชั้นผู้น้อย ต่างอ้างว่าเป็นศาสนาพุทธนิกายหินยาน ที่ไม่เชื่อในเรื่องพระเจ้าผมพยายามหาข้อความ ที่พระพุทธเจ้าทรงตรัสปฏิเสธเรื่องพระเจ้าในพระไตรปิฎก ผมได้พบข้อความนั้นจริงๆ แต่ยุคสมัยของพระพุทธองค์แม้แต่ยุคสมัยนี้ ผู้คนต่างพากันเชื่อว่าพระเจ้า หรือที่ผู้คนในอินเดียเรียกว่า พระศิวะหรือพระพรหม เป็นผู้สร้างจักรวาลและสรรพสิ่งทั้งปวงในรูปแบบที่เป็นสสารหรือเป็นอัตตา ด้วยเหตุนี้ พระพุทธองค์จึงต้องตรัสปฏิเสธเรื่องพระพรหมหรือพระศิวะไป เพราะพระพุทธองค์ทรงรู้ความจริงว่า องค์พระผู้เป็นเจ้าแท้จริงไม่เคยสร้างจักรวาลและสรรพสิ่งแบบนั้น
นี่เป็นเหตุให้ผู้คนในศาสนาพุทธนิกายหินยาน หลงไปตีความผิดว่า ศาสนาพุทธเป็นศาสนาที่ไม่เชื่อในเรื่องพระเจ้า ความเข้าใจผิดทั้งหมดอยู่ที่ พระพุทธเจ้าทรงตรัสปฏิเสธเรื่องพระเจ้าในฐานะผู้สร้างอัตตาขึ้นมา
อย่างไรก็ตาม พระพุทธองค์ได้ตรัสเล่าว่า มนุษย์เราเหมือนถูกลูกศรยิงปักอก เราต้องหาทางรักษาตัวเอง เพื่อจะเอาตัวรอดให้ได้ ซึ่งมีความสำคัญยิ่งกว่าจะไปสนใจว่า ใครเป็นผู้ยิงลูกศรใส่เรา จากคำตรัสสอนของพระพุทธองค์ท่อนนี้ ก็เป็นที่แน่ชัดอยู่แล้วว่า มีผู้ยิงลูกศรแน่นอน แต่พระองค์เห็นว่า ยังไม่ถึงเวลาจะสอนมนุษย์ให้รู้ถึงท่านผู้นั้น เพราะมนุษย์ยังหลงผิดคิดว่าสสารเป็นอัตตา มีตัวมีตนจริงๆ และพระเจ้าเป็นผู้สร้างขึ้น ด้วยเหตุนี้ พระพุทธเจ้าซึ่งปฏิเสธว่า พระเจ้าผู้สร้างอัตตาไม่มี ไม่ได้หมายความว่าพระองค์ปฏิเสธว่าพระเจ้าไม่มี นอกจากนี้ พระพุทธองค์ยังได้สอนเรื่องอัตตา อนัตตา และเรื่องนิพพานไว้ก่อน เพื่อเป็นการปูพื้นไปสู่ความจริงสูงสุดเรื่ององค์พระผู้เป็นเจ้า ( แท้จริง )
ศาสนาพุทธเป็นศาสนาที่เชื่อในเรื่องพระเจ้าแท้จริง ไม่ใช่เป็นศาสนาที่ปฏิเสธเรื่องพระเจ้า ถ้ามนุษย์ให้คำจำกัดความของคำว่า “พระเจ้า” ถูกต้อง อีกเรื่องหนึ่งที่ผมอยากจะเล่าในคำนำของผมก็คือ ผมเข้ามานับถือศาสนาพุทธอย่างจริงจัง เนื่องจากการชี้แนะของพระเจ้า (ในศาสนาคริสต์ ) ตอนนั้นผมยังไม่เข้าใจว่า พระเจ้าอยู่ในทุกศาสนา มนุษย์ไม่เข้าใจเรื่องพระเจ้าแท้จริงเองว่า พระองค์เป็นจิตที่บริสุทธิ์และพระองค์ไม่เคยสร้างสิ่งที่เป็นอัตตาขึ้นมาเลย เรื่องพระเจ้าแท้จริงผมขอไปพูดในบทที่ 1 และ 2 แต่ตอนนี้ ผมขอเล่าถึงความมหัศจรรย์ที่องค์พระผู้เป็นเจ้าแท้จริง ได้นำผมเข้ามารู้จักพระองค์ก่อน จนในที่สุด ผมสามารถเข้าใจเรื่องสภาวะของพระเจ้าแท้จริง ที่ผู้คนทั่วโลกอยากรู้ และหลงเข้าใจผิดมานานแสนนาน
เรื่องนี้เกิดกับผมตอนผมอายุ 32 ปี ตอนนั้นผมกำลังตัดสินใจจะเลือกนับถือศาสนาใดศาสนาหนึ่งอย่างจริงจังสักที ขณะที่ผมกำลังอ่านไบเบิลอยู่ ผมเกิดความสงสัยว่า ศาสนาคริสต์นี้เป็นไปเพื่อใคร พอผมลองเปิดไบเบิลดูครั้งแรก ผมก็ได้คำตอบว่า เพื่อคนจนและคนอ่อนแอ (ในยุคนั้น) ครั้งแรกผมคิดว่าฟลุ๊คมั๊ง เลยลองเสี่ยงเปิดอีกครั้ง ผมก็พบข้อเขียนว่า คนรวยเข้าสวรรค์ได้ยากกว่าอูฐรอดรูเข็ม (ดังนั้นศาสนาคริสต์จึงจำเป็นต้องเข้ามาช่วยเหลือ ให้เขามีโอกาสได้ขึ้นสวรรค์)
คราวนี้ผมลองเปลี่ยนคำถามใหม่ว่า ศาสนาคริสต์ไม่เหมาะสมกับใคร จำได้ว่าผมเปิดดูในไบเบิลไม่เกิน 2-3 ครั้ง ก็พบคำตอบว่า คนฉลาดและเชื่ออะไรได้ยาก พอผมลองเปิดหาคำตอบอีกครั้ง ครั้งนี้ผมพบคำตอบว่า คนที่มีจิตใจเข้มแข็ง ตอนนี้ผมแน่ใจแล้วว่า นี่ไม่ใช่การบังเอิญอย่างแน่นอน แต่มันเป็นการจงใจและเป็นการเจตนาของผู้ที่มีอำนาจมหัศจรรย์เหนือวัตถุ(หนังสือ) ท่านผู้นี้คงต้องการสื่อสารอะไรบางอย่างกับผม
ครั้งสุดท้าย ผมเลยตั้งคำถามในใจว่า คนฉลาด เชื่ออะไรได้ยาก และมีจิตใจเข้มแข็งจะไม่เชื่อในพระเจ้าใช่ไหม หลังจากนั้น ผมก็ลองเปิดไบเบิลดูอีกไม่เกิน 2-3 ครั้ง ผมก็พบกับข้อความในทำนองว่า คนที่เฉลียวฉลาด ในที่สุดจะจนตรอกในความฉลาดของตัวเอง และจะหันกลับมานับถือและเชื่อในพระเจ้า
อ้าว ! เมื่อไบเบิลเขียนเช่นนั้น ก็สวยน่ะซิ มันเหมือนเป็นการท้าทายผม ถ้าท่านผู้อ่านคิดว่า เรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องบังเอิญล่ะก็ ท่านผิดแล้ว ความหนาของไบเบิลก็มากกว่าพันหน้าโอกาสเป็นไปได้ ตามหลักความน่าจะเป็นชี้ว่า ผมมีโอกาสเพียง 1 ในหลายร้อยล้านเท่านั้น ที่ผมจะพบคำตอบต่อหลายคำถาม โดยการเปิดไบเบิลเพียงไม่กี่ครั้ง เมื่อพระเจ้าชี้ทางให้ผมเดินแบบนี้ เท่ากับท้าทายให้ผมหันไปหาพุทธศาสนา ด้วยการหัวรั้นและอยากลองดีกับพระเจ้า ผมก็อยากรู้เหมือนกันว่า คนที่เฉลียวฉลาด เชื่ออะไรได้ยากและยังมีจิตใจเข้มแข็งแบบผม ในที่สุดผมจะจนตรอกในความฉลาดของตัวเอง และหันกลับมาเชื่อและนับถือพระเจ้าได้อย่างไร ?
ผมเคยได้รับการสอนจากอาจารย์วิชาพุทธศาสนาในธรรมศาสตร์ว่า ศาสนาพุทธเป็นศาสนาที่ไม่เชื่อในเรื่องพระเจ้า ดังนั้นถ้าผมหันมานับถือพุทธศาสนาแล้ว จึงเป็นไปไม่ได้เด็ดขาด ที่ผมจะกลับไปนับถือและศรัทธาในพระเจ้า หรือศาสนาที่นับถือพระเจ้า แต่ไม่เชื่อแต่ก็ต้องเชื่อ เพราะในที่สุด ผมได้จนตรอกในความฉลาดของตัวเองจริงๆ ผมต้องกลับมาเชื่อและศรัทธาพระเจ้า และก็เป็นความเชื่อแบบหมดใจเสียด้วย ผมกล้าท้าชาวพุทธทุกคนเลยว่า ถ้าท่านได้ศึกษาเรื่องวิทยาศาสตร์ควอนตั้มฟิสิกส์ ท่านจะรู้เหมือนผมรู้ในตอนนี้ว่า จิตหรือใจของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แท้จริงท่านได้กลับกลายเป็นส่วนหนึ่ง หรือเป็นภาคหนึ่งขององค์พระผู้เป็นเจ้าแท้จริงไปแล้วเมื่อ 2548 ปีที่ผ่านมา
แม้ว่าศาสนาพุทธเป็นศาสนาเดียวในตอนนี้ ที่ชี้ทางให้มนุษย์พาจิตตนเองไปสู่พระนิพพาน คือเข้าไปรวมและไปเป็นหนึ่งเดียวกับพระเจ้าแท้จริง แต่ผู้คนส่วนใหญ่ทั่วโลกแม้แต่ในเมืองพุทธศาสนาอย่างเมืองไทย ในทางปฏิบัติจากคนล้านคนจะมีคนเข้าถึงพระนิพพานได้สักหนึ่งคน ก็นับว่าเก่งแล้ว คนส่วนใหญ่แม้กระทั่งผม ขอให้ขึ้นสวรรค์ได้ ไม่ต้องตกนรก ก็พอใจแล้ว นิพพานเป็นเรื่องไกลตัว ต้องพยายามกันหลายชาติจึงจะสำเร็จ
ผมรู้ว่าองค์พระผู้เป็นเจ้า ( แท้จริง ) อยู่ในทุกศาสนา พระเจ้ามีวิธีของท่าน พระองค์จะช่วยสอนมนุษย์ไปเรื่อยๆ ตามสภาพแห่งภูมิปัญญา นิสัย สันดาน อารมณ์ ความเชื่อขนบธรรมเนียม ประเพณี วัฒนธรรม ค่านิยม ความยึดมั่น ฯลฯ ของสังคมมนุษย์ในแต่ละหมูเหล่า นี่เป็นเหตุที่มนุษย์ในโลกล้วนนับถือศาสนาที่แตกต่างกัน
เมื่อท่านอ่านหนังสือเล่มนี้จบ ท่านจะรู้ว่าทำไมผมถึงต้องหันกลับมาเชื่อและศรัทธาในองค์พระผู้เป็นเจ้า(แท้จริง) ผมต้องใส่คำว่า แท้จริง ข้างหลังคำว่า “พระเจ้า” เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าที่เป็นผู้สร้างอัตตาไม่มี ทุกสรรพสิ่งเป็นอนัตตาทั้งสิ้น แต่จิตทั้งปวงในจักรวาลหลงไปเองว่า อนัตตาเป็นอัตตา การกระทำของพวกเขาทั้งหมด ก็เป็นเพราะความเข้าใจผิดอันนี้เองด้วยเหตุนี้เอง พวกเขาจึงต้องเวียนว่ายตายเกิดอยู่ในภพภูมิต่างๆต่อไปเรื่อยๆ อย่างไม่มีวันจบสิ้น
หนังสือเล่มก่อนผมทำงานให้ผี ผมยังแจกหนังสือฟรี หนังสือเล่มนี้ผมเชื่อว่า ผมกำลังทำงานให้องค์พระผู้เป็นเจ้า ( แท้จริง ) ซึ่งภาคหนึ่งของจิตของพระองค์ก็คือ “องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า” แล้วผมจะกล้าเก็บเงินค่าหนังสือจากท่านผู้อ่านได้อย่างไร ผมต้องขอขอบใจหลานสาวของผมทั้ง 2 คน คือหนูจุ๋ม (นางสาวพรทิพย์ สระแก้ว)และหนูเดียร์(เด็กหญิงอุทุมพร นรารติกุล) ที่ช่วยเสียสละออกเงินค่าใช้จ่ายทั้งหมดในการพิมพ์หนังสือผีอำเล่ม 2 ตอนศาสนาพุทธที่เชื่อในเรื่องพระเจ้า(แท้จริง) ขอให้บุญกุศลจากการเสียสละเงินของหลานสาวทั้ง 2 ของผมนี้ ช่วยเปิดทางสว่างแห่งปัญญาให้กับท่านผู้อ่านหนังสือผีอำเล่มนี้ด้วยครับ

พลศักดิ์ วังวิวัฒน์
คนสัมผัสวิญญาณ


คำนำผู้เรียบเรียง
ท่านที่ติดตามอ่าน Blog ผีอำ คงจะได้ลองอ่าน ตอนประตูลับสู่โลกวิญญาณ มาแล้ว ใน Blog นี้จะเป็น “ ตอนศาสนาพุทธที่เชื่อในเรื่องพระเจ้าแท้จริง “ ซึ่งเป็นตอนที่ 2 โดยเนื้อหาจะมีความเกี่ยวข้องกับตอนที่ 1 บ้าง แต่อาจจะลึกซึ้งหรือสุดโต่งสำหรับความคิดของผู้อ่านบางท่าน หรือบางท่านอาจจะรับความจริงนี้ไม่ได้ทั้งที่ในใจตัวเองอยากจะรู้ความจริงในเรื่องเช่นนี้อยู่เหมือนกัน สำหรับผู้เขียนแล้วต้องการให้มนุษย์นี้ได้รับรู้ถึงความจริงบางส่วนเกี่ยวกับความสงสัยในเรื่องมนุษย์และพระเจ้าที่แท้จริงว่าเป็นเช่นไร จึงได้เขียนเรื่องนี้ขึ้นมาเผยแพร่โดยไม่สนใจว่าผู้อ่านจะมองว่าหลุดโลกหรือเพี้ยนไปแล้วแต่อย่างไร
ถึงอย่างไรก็แล้วแต่ ก็ขอให้ท่านอ่านและศึกษาสิ่งเหล่านี้ด้วยใจเป็นกลาง ไม่เอนเอียงไปตามอารมณ์และความเชื่อของตนเองที่มีมาแต่หนหลัง เมื่อท่านอ่านจบและใคร่ครวญแล้วว่าไม่ใช่เรื่องน่าจดจำก็สมควรปล่อยวางและลืมไปเสีย
แต่หากว่าเนื้อหานี้สามารถไขข้อข้องใจของท่านได้ในสิ่งที่ท่านต้องการหาคำตอบอยู่ กระผมก็อนุโมทนาด้วยซึ่งสมดังเจตนารมณ์ของผู้เขียนเรื่องนี้

ธรรมสัตตโม

ผู้เรียบเรียง

( ไม่สงวนสิทธิ์สำหรับการเผยแพร่ที่ไม่คิดมูลค่า )



ความคิดเห็น