A A

9-3 ศาสนาพุทธฝ่ายมหายานรู้ความจริงมานานแล้วว่า พระพุทธเจ้าแท้จริงคือ ส่วนหนึ่งของพระเจ้า(แท้จริง)

โชคดีที่ศาสนาพุทธฝ่ายมหายานไม่หลงไปตีความ การสร้างสรรพสิ่งขององค์พระผู้เป็นเจ้าแท้จริง เพราะมันมีสภาพหลอกตา คล้ายมันเป็นอัตตาจริงๆ ถ้าทำเช่นนั้น พวกเขาอาจจะจนมุม ไปตีความว่า นิพพานหมายถึง “ศูนย์” หรือ “ไม่มีอยู่อีกต่อไป”
ฝ่ายมหายานตีความไปตรงๆ ตามคำสอนของพระพุทธองค์เลยว่า นิพพานเป็นสภาวะของธรรมชาติแท้จริงที่รู้แจ้ง และเบิกบานชั่วนิรันดร สานุศิษย์ฝ่ายมหายานได้ชี้ชัดว่า สุดท้ายแล้ว พระพุทธเจ้าได้กลับกลายเป็นพระเจ้าแท้จริง ลองดูบทหนึ่งในบันทึกที่อยู่ในพระไตรปิฎกฝ่ายมหายานที่สืบทอดไปถึงญี่ปุ่น มีข้อความว่า
“ อมิธพุทธ เป็นพระเจ้าที่แท้จริง และอมาเตระสุเป็นพระอวตาร หรือจะกล่าวว่า
อมาเตระสุเป็นพระเจ้าที่แท้จริง และโคตมะพุทธเจ้าเป็นพระอวตาร ”
โคตมะหมายถึงชื่อตระกูลหรือโคตรของพระพุทธเจ้า ความเกี่ยวข้องกันระหว่างอมาเตระสุกับพระพุทธเจ้ายังมีอยู่เช่นนี้ในทุกวันนี้
นอกจากนี้ พระไตรปิฎกฝ่ายมหายานลัทธิตันตระ ที่สืบทอดไปยังแผ่นดินจีน ก็ได้แสดงความเข้าใจเรื่องพระเจ้า(แท้จริง)อย่างชัดเจนพอประมาณ โดยอธิบายตรงๆว่า
“ อมิตาภพุทธเจ้า หรือองค์พระผู้เป็นเจ้า(แท้จริง)
ได้อวตารมากำเนิดเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ”
อันนี้ก็แล้วแต่จะเชื่อกัน แต่สำหรับผมแล้ว ผมมั่นใจเกิน 100% ว่า พระพุทธเจ้าและบรรดาพระอรหันต์ที่นิพพานไปแล้ว ได้กลับกลายเป็นพระเจ้า(แท้จริง)หรือส่วนหนึ่งของพระเจ้า(แท้จริง)แล้ว ศาสนาพุทธไม่ได้เป็นศาสนา ที่ปฏิเสธเรื่องพระเจ้า(แท้จริง)แต่อย่างใด แต่เป็นศาสนาที่เชื่อเรื่องพระเจ้า(แท้จริง) เพียงแต่ไม่มีคำจำกัดความคำว่า “พระเจ้า(แท้จริง)” อย่างถูกต้องให้ใช้ในอดีต
ตื่นเถิดบรรดาท่านที่หลงผิดไปตีความว่า นิพพานคือ ศูนย์ หรือไม่มีอะไรเลย ความรู้ในอดีต อาจจะทำให้การตีความพระไตรปิฎกของท่านผิดพลาด แต่ปัจจุบันท่านได้รับความรู้นิดหน่อยจากผมแล้ว คราวนี้ท่านลองไปพิจารณาตรึกตรอง และศึกษาใหม่ดูว่า นิพพานนั้นคืออะไรกันแน่ เป็นแบบที่ผมว่าไว้ในหนังสือเล่มนี้หรือเปล่า ขั้นแรก ท่านควรศึกษาควอนตั้มฟิสิกซ์ดูก่อน ถ้าท่านไม่ได้เป็นนักวิทยาศาสตร์ก็ไม่เป็นไร เอาแค่ผลการทดลอง ความหมาย และนัยสำคัญของคำว่าควาร์คมาใช้เท่านั้นก็พอแล้ว พวกท่านน่าจะเป็นชาวพุทธอยู่แล้ว จึงควรจะตีความได้ไม่ยากว่า อัตตาและอนัตตาคืออะไร และควาร์คนี้เป็นอัตตาหรืออนัตตากันแน่
กล่าวโดยสรุป ถ้าคุณบอกว่า พระเจ้า(แท้จริง)หมายถึงผู้สร้างสสารหรือสรรพสิ่งในจักรวาลที่เป็นกายภาพหรือมีอัตตา อันนี้ศาสนาพุทธปฏิเสธ และไม่เชื่อเรื่องพระเจ้า(แท้จริง)แน่นอน
แต่ถ้าคุณบอกว่า พระเจ้า(แท้จริง)หมายถึง ผู้สร้างสิ่งลวงจิตขึ้น เพื่อทดสอบจิตและพระวรกายของพระองค์เอง ซึ่งมีจำนวนเป็นอนันต์ ดูว่าจิตใดและพระวรกายใด สมควรกลับเข้ามาเป็นพระเจ้าแท้จริงเหมือนเดิม จิตและกายใดยังไม่สมควรเป็นพระเจ้าแท้จริง โดยพระองค์สั่งให้ควาร์ค ซึ่งเป็นอณูที่เล็กที่สุดของจักรวาล และเป็นอณูของพระองค์ ควาร์คซึ่งเป็นพลังงาน(อนัตตา)พระองค์บอกมันให้เข้าไปเป็นองค์ประกอบของสรรพสิ่งทั้งปวงในจักรวาล หลังจากนั้นพระองค์ก็ทำให้อณูทั้งหมดแข็งตัว(freeze) เมื่อควาร์คซึ่งเป็นพลังงาน มีสภาพเหมือนถูกแช่แข็ง( frozen energy ) สภาวะของมัน ที่เคยเป็นอนัตตาอย่างชัดเจน คือ ไม่มีตัว ไม่มีตน ก็เลยกลับกลายเป็นอนัตตาที่ไม่ชัดเจนไป มีสภาพเสมือนว่า มันเป็นอัตตาหรือสสารคือ มีตัวมีตนจริงๆ ทั้งๆที่มันไม่เคยมีตัวมีตนอยู่เลย
ถ้าพระเจ้า(แท้จริง)หมายถึง ผู้สร้างสิ่งลวงจิตขึ้น อย่างที่ผมว่าล่ะก็ พออนุโลมได้ว่าถูกต้อง แล้วท่านผู้รู้ทุกท่านในศาสนาพุทธทั้งฝ่ายหินยานและฝ่ายมหายาน ได้ศึกษาเรื่องควอนตั้มฟิสิกซ์มาแล้ว ผมเชื่อว่า ทุกท่านจะตีความออกเองว่า นิพพานและพระเจ้า(แท้จริง) ล้วนเป็นเรื่องเดียวกัน
ด้วยเหตุนี้ ผมจึงกล้าพูดได้อย่างเต็มปากเลยว่า ศาสนาพุทธเป็นศาสนาที่เชื่อในเรื่องพระเจ้า(แท้จริง) และนิพพานก็คือ สภาวะของพระเจ้า(แท้จริง) นั่นเอง
ผมเขียนหนังสือผีอำประตูลับสู่โลกวิญญาณเล่ม 2 ขึ้นมา ก็เพื่อจะเผยแพร่ความจริง
เกี่ยวกับนิพพานและพระเจ้า(แท้จริง)ให้คนไทยได้รับรู้

ความคิดเห็น