8-3 ขออธิบายเรื่องกลไกของจิตให้มันชัดๆ
กลไกของจิตมันเป็นดังนี้
เมื่อจิตไม่มีอกุศลใดๆ จิตนั้นก็จะไม่ตกนรก พระมาลัยน้องชายของผม และหนังสือบางเรื่อง
ที่ผมเคยอ่านเกี่ยวกับเรื่องการตายแล้วฟื้น พวกเขายืนยันตรงกันโดยมิได้นัดหมายว่า ยมบาลจะให้วิญญาณมนุษย์ที่ทำบาปอย่างหนัก
ได้นึกถึงความดีอะไรก็ได้ ที่ตนเองเคยทำไว้ พระมาลัยเล่าว่า ยมบาลจะให้โอกาส 3 ครั้ง
ถ้านึกไม่ออก ก็ซวยล่ะครับ ต้องถูกนำตัวไปล้างบาปในนรกแน่นอน
แต่ถ้าจิตใต้สำนึกและจิตสำนึกมันคิดช้าไป
โดนยมบาลนำตัวไปลงโทษในนรกเสียแล้ว ก็ไม่เป็นไร ไฟหรือการทรมานใดๆในนรก ไม่อาจจะทำร้ายวิญญาณหรือจิตที่บริสุทธิ์
หรือเป็นกุศลจิตได้เป็นอันขาด อาจจะมีดอกบัววิเศษมารองรับ หรือถ้าถึงขั้นจำเป็น องค์พระผู้เป็นเจ้าแท้จริง
และพระโพธิสัตว์กวนอิม พวกท่านจะรู้โดยตัวของพวกท่านเองว่า มีสิ่งที่ไม่ถูกต้องเกิดขึ้น
พวกท่านจะเสด็จลงมาโปรดในขุมนรกเอง
จิตที่เป็นกุศลจะนำไปสู่สวรรค์
จิตที่เป็นอกุศลจะนำไปสู่นรก จิตที่สำนึกผิดในบาปอย่างแท้จริง และตั้งใจว่าจะไม่ทำบาปนั้นอีก
ยมบาลก็ไม่สามารถลงโทษหนักได้ วิญญาณดวงนั้นจะได้รับโทษแค่เพียงเศษกรรม
อย่างไรก็ตาม จิตหรือวิญญาณใด
ที่ได้ทำลายกายหรือขันธ์ของผู้อื่นโดยเจตนา และไม่มีกุศลจิตใดๆคลุกเคล้าอยู่เลยในตอนนั้น
( ไม่เหมือนกับทหารที่ฆ่าคนตายในการรบเพื่อป้องกันประเทศชาติ ) จิตที่ไม่บริสุทธิ์ของวิญญาณดวงนั้น
ก็จะต้องไปเกิดเป็นกายหรือขันธ์ในชาติหน้า และต้องถูกฆ่า หรือถูกทำลายขันธ์เช่นเดียวกัน
แม้ว่าเขาจะสำนึกในบาปแล้วก็ตามโทษในอบายภูมิอาจจะไม่มี แต่กฎแห่งกรรมมันต้องทำงานของมัน
เพราะเจตนาของจิตที่เป็นกุศลหรือเป็นอกุศลก็คือ กรรมนั่นเอง
ลองดูตัวอย่างอีกเรื่องหนึ่ง
ถ้าวัยรุ่นชายคนหนึ่งข่มขืนหญิงสาวคนหนึ่ง เขาคิดว่า มันมันสะใจและตื่นเต้นมาก จิตของเขาไม่คิดว่า
มันเป็นอกุศลแต่อย่างใด แล้ววิญญาณของเขาจะต้องรับโทษด้วยหรือ เรื่องนี้ผมคิดว่า ใจของวัยรุ่นคนนั้น
จิตของเขาเป็นอกุศลตั้งแต่ต้นจนถึงวาระสุดท้ายของชีวิต เพราะเขาทำการเบียดเบียนร่างอื่น
ผมเชื่อว่า เขารู้อยู่ในจิตสำนึกและในจิตใต้สำนึกด้วยว่า สิ่งนั้นเป็นสิ่งที่ผิด และเป็นบาป
เขาจะปากแข็งอย่างไร ก็หลอกใจส่วนลึกและส่วนตื้นที่เป็นมโนธรรมของตัวเองไม่ได้
แม้ว่าเขาจะพยายามบอกตัวเองว่า
จิตเขาไม่ได้เป็นอกุศล แต่ในความเป็นจริงแล้วมันเป็นอกุศล เจตนาของจิตที่เป็นกุศลหรือเป็นอกุศลนี้เป็นตัวก่อให้เกิดวิบากกรรม
ถ้าเกิดวัยรุ่นคนนี้สำนึกผิดโดยแท้จริง
การสำนึกผิดในจิตนั้น จะทำให้วิบากกรรมในนรกของเขาไม่เกิดขึ้น แต่เศษกรรมนั้นยังมีอยู่
เพราะเขาเบียดเบียนสังขารอื่น เมื่อเขาเกิดมาเป็นมนุษย์อีกครั้ง เขาก็ต้องถูกผู้อื่นเบียดเบียนคืนเช่นกัน เช่น ถ้าเขาเกิดมาเป็นผู้หญิง
เขาอาจถูกชายอื่นฟันแล้วทิ้ง เป็นต้น นี่คือ การทำงานของกฎแห่งกรรม
จิตของผมมีความรู้สึกว่า
ที่ผมต้องสาบานโดยเอาโทษรุนแรงที่สุด มาแลกกับการยอมให้น้องชายของผมเชื่อผม เป็นสิ่งที่ไร้สาระ
และน้องชายของผมก็เป็นคนหัวแข็งมาก ยังไงๆเขาก็คงไม่เชื่ออยู่ดี แต่องค์พระผู้เป็นเจ้า(แท้จริง)คงดลใจผมอยู่
พระองค์คงทำให้ผมต้องพูดออกไปเช่นนั้น เพื่อพระองค์ท่านจะได้สอนความจริงในขั้นโลกุตระธรรม
ให้ผมได้รู้ทางจิตอย่างหมดเปลือก
ผมไปดูหนังไทยมาเรื่องหนึ่ง
เรื่องนั้นคุณเท่งแกเล่นเป็นพระ วันหนึ่งพระเท่งเห็นผู้คนกำลังรุมกระทืบคนๆหนึ่งอยู่
พระเท่งไม่รู้จะห้ามอย่างไร ก็เลยตะโกนว่า “ ตำรวจมา ตำรวจมา ” เจตนาในจิตใต้สำนึก
เพื่อช่วยชีวิตคนที่ถูกรุมกระทืบอยู่ ส่วนในจิตสำนึกก็ไม่ได้คิดเป็นอกุศล ถามว่า นี่ผิดไหม
ตอบได้ทันทีว่าไม่ผิด
เจตนาของจิตก็คือกรรม เจตนาในจิตใต้สำนึกที่เป็นกุศุล ย่อมนำไปสู่สวรรค์ หรือเทวภูมิ
นอกจากนี้จิตสำนึก ก็ยังไม่ได้คิดเป็นอกุศลหรือเป็นบาปด้วย
อย่างไรก็ตาม เรื่องทหารที่ฆ่าคนเพื่อชาติในยามสงคราม
เขาจะไม่ตกนรกจากบาปนั้นเพราะเจตนาของเขา ต้องรบเพื่อประเทศชาติ มโนธรรมของเขาบอกว่า
เรื่องนี้เขาต้องทำอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แม้ว่ามันอาจขัดแย้งกับจิตใต้สำนึกของเขา
ที่บอกว่าการฆ่าคนเป็นบาป จิตของเขาแบ่งเป็น 2 ฝัก 2 ฝ่าย จะเรียกว่า การฆ่าเป็นบุญก็คงไม่ใช่
แต่จะเรียกว่า การฆ่าเป็นบาปก็คงไม่เชิง
สมมุติว่า มีอยู่ครั้งหนึ่งที่เขาจำเป็นต้องฆ่าหัวหน้าข้าศึกคนหนึ่งให้ได้
เพื่อให้สงครามยุติจะได้กลับบ้านกัน เขาเลยลุยเข้าไปฆ่านายทหารฝ่ายข้าศึกคนนี้ การฆ่าคนครั้งนี้
มโนธรรมในใจของเขาชี้ชัดว่า มันเป็นกุศลและเป็นบุญ เพราะเขายอมสละชีพโดยไม่เสียดาย
ทั้งนี้เพื่อให้สงครามได้ยุติ
แต่โชคร้ายที่ทหารที่ฆ่าคนบางคน
อาจจะตกนรกจากเหตุอื่นก็ได้ เพราะกลุ่มคนที่ไม่ชอบธรรมนั้น เขามีอำนาจและปืนอยู่ในมือ
เขาได้ใจ เลยกระทำการอย่างอื่นไปด้วย เช่นทรมานข้าศึกเพื่อความสะใจ ทั้งๆที่ไม่จำเป็น
หรือข่มขืนลูกสาวชาวบ้านไปด้วย เพื่อความสนุกของตนเอง เมื่อตายไป เขาเลยต้องไปตกนรก
เนื่องจากเหตุต่อเนื่องเหล่านี้
คำสอนเรื่องศีล 5 เป็นคำสอนระดับโลกิยะ
คนที่กระทำลงไป จะให้จิตของเขานึกเป็นโลกุตระ คือเป็นกุศลตลอด คงยากมากๆ สุดท้ายจิตของเขาก็ต้องตกไปสู่อกุศลจิต
และกระทำบาปที่แท้จริงในที่สุด เช่น โรบินฮู้ด เจตนาของเขาเริ่มแรก จิตของเขาอาจจะสั่งให้ขโมยของเพื่อนำไปช่วยชาวบ้านที่เดือดร้อน
จิตนั้นจึงเป็นกุศลจิต และเป็นบุญ แต่ของ 10 ชิ้น อาจจะมี 3 ชิ้น เขามีเจตนาไม่บริสุทธิ์
เป็นอกุศล และเป็นบาป ไปขโมยเพื่อความมั่งคั่งของตัวเอง ด้วยเหตุนี้ โรบินฮู้ด จึงอาจต้องไปล้างบาปจากนรกก่อน
แล้วค่อยไปขึ้นสวรรค์ หรือถ้าเขาอยู่ในสวรรค์ สวรรค์ชั้นนั้นก็จะมีทั้งสุขและทุกข์ปนกัน
แต่เป็นไปได้มากว่า เขาอาจจะถูกส่งกลับไปเกิดเป็นมนุษย์ใหม่ และอยู่ในป่าที่เขาชอบ
เขาอาจหาของกินของใช้ได้ดีในบางช่วง แต่บางช่วงอาจจะหาอะไรไม่ได้เลย และยังต้องถูกขโมยของด้วย
ผมไม่ใช่พระ ผมจึงไม่อยากสอนอะไรมากมายในเรื่องนี้
แต่ที่บอกมา เป็นปริศนาธรรมที่คนทั่วโลกชอบถาม ผมก็เลยลองตอบดู คราวนี้ลองดูตัวอย่างอีกเรื่องหนึ่ง
มีผู้ถามพระพุทธองค์เกี่ยวกับอาหารที่เป็นสัตว์และทำสุกแล้ว ชาวบ้านนำมาถวายพระ ถ้าพระฉันลงไปผิดไหม
เพราะชาวบ้านอาจจะไปฆ่าสัตว์นั้นมา เพื่อนำมาถวาย พระพุทธองค์ให้หลักการไว้ว่า แค่เราไปสงสัย
หรือคิดไปว่า ชาวบ้านเขาจำเป็นต้องฆ่าสัตว์ เช่น เป็ด ไก่ โค กระบือ เพื่อมาถวาย พระฉันลงไปก็ผิดแล้ว
บังเอิญผมนึกถึงเรื่องการตบยุง
ว่าเป็นบาปไหม ผมคิดว่า คนทั่วไปตบยุงตายคงไม่บาปหนัก เพราะเจตนาของเขา ทำไปเพื่อช่วยตัวเอง
ลูกหลาน และพ่อแม่ จะได้ไม่ถูกยุงกัดจิตเขาไม่ได้เป็นอกุศลอย่างแรง หรือถ้ามีอกุศลอยู่
ก็น้อยมากๆ
แต่ความรู้ของพระ โดยเฉพาะพระที่ได้ญาณ
หรือพระที่นำเอาความรู้ที่ลึกซึ้งอย่างมากของพระพุทธองค์ที่ท่านตรัสสอนสาวก ไม่ได้ตรัสสอนชาวบ้าน
พระเหล่านี้ ท่านรู้มากเกินท่านเลยสามารถมองทะลุว่า ยุงตัวนี้เคยเป็นคนมาก่อน ตัวพระน่ะ
ห้ามตบยุงโดยเด็ดขาดเพราะเป็นการทำลายชีวิตโดยเจตนา เป็นอกุศล ท่านอาจต้องเกิดเป็นยุง
500 ชาติแทนยุงตัวนั้น ถ้าท่านตบยุง แต่สำหรับชาวบ้านวิบากกรรมของพวกเขา อาจจะเป็นแค่เกิดการคันตามเนื้อตัวแค่
10 ครั้งเท่านั้น
แต่เมื่อพระท่านเอาความจริงที่ต้องเกิดกับตัวท่าน
ไม่ใช่วิบากกรรมที่เกิดกับชาวบ้านไปสอนชาวบ้าน ทั้งๆที่ท่านไม่ควรสอนถึงขั้นนั้น เพราะท่านไม่รู้จริงถึงที่มาของบาปหรือศีล
5 ว่าเกิดจากเจตนาและความคิดว่า การกระทำนั้นเป็นอกุศลอย่างหนักหรืออย่างเบา เมื่อวิบากกรรมที่เบา
ท่านเอาไปสอนชาวบ้านว่าเป็นบาปที่หนักมาก ต้องเกิดเป็นยุง 500 ชาติ ชาวบ้านนับถือพระ
เลยเชื่อตาม บาปที่แต่เดิมมีวิบากกรรมเบาบางสำหรับชาวบ้านก็เลยกลายเป็นบาปที่มีวิบากกรรมหนักขึ้น
เพราะเจตนาคือกรรม เจตนาของผู้ไม่รู้ไม่เห็นลึกซึ้ง ก็อาจไม่มีวิบากกรรมใดๆเลย หรือถ้ามีก็มีน้อยมาก
แต่ตอนนี้จิตของชาวบ้าน ไปยึดถือความจริงและไปคิดแบบพระ พวกเขาเลยนำบาปหนักมาสู่ตัวเอง
และเขาก็เกือบไม่มีทางเลือกในสังคมปัจจุบันด้วย เขาจำเป็นต้องตบยุง หรือฉีดยาฆ่ายุง
เพื่อไม่ให้พวกมันขยายพันธุ์
ในกรณีของน้องชายของผม
ซึ่งเป็นคนเคร่งครัดในศีล 5 มากๆ เขาผู้ไม่รู้ แต่ดันไปทะลึ่งทำเป็นรู้ดี อ่านและจดจำพระไตรปิฎก
ซึ่งพระพุทธเจ้าสอนพระ เอาไปฝังความคิดในจิตของตัวเองว่า การฆ่าสัตว์ทุกอย่าง เพื่อวัตถุประสงค์ใดๆก็แล้วแต่
ถือว่าเป็นบาปทั้งสิ้น ไม่มีข้อยกเว้น ด้วยเหตุนี้ ถ้าน้องของผมตบยุงตายไปตัวหนึ่ง
บาปนั้นจะติดตัวเขาไปตลอด เผลอๆเขาอาจจะต้องตกนรก จากการฆ่ายุงตายไปตัวหนึ่ง ในขณะที่ชาวบ้านที่ฆ่ายุงตายเป็นหมื่นตัว
อาจจะได้ขึ้นสวรรค์
สำหรับผมแล้ว ผมคิดว่าการฆ่ายุงเป็นกุศล
เพราะเป็นการช่วยป้องกันพ่อ แม่ ลูกหลาน และบุคคลอื่นๆในสังคม นอกจากนี้ ยุงบางประเภทได้แก่ยุงลาย
ก็เป็นพาหะนำเชื้อไข้เลือดออก ด้วย ดังนั้นการฆ่ายุงจึงเป็นการยอมเสียสละตัวเองเพื่อผู้อื่น
ยอมทำสิ่งที่ผิดศีลข้อแรก ด้วยเหตุนี้ การผิดศีลในกรณีนี้น่าจะถือเป็นกุศล และไม่น่าจะมีวิบากกรรมด้านลบด้วย
ท่านลองคิดดูว่า ทำไมพระพุทธองค์จึงสอนสาวก(พระ)ว่า
พระที่ไปคิดว่า ชาวบ้านเขาต้องฆ่าสัตว์เพื่อมาถวาย พระฉันอาหารนั้นลงไป ท่านก็ผิดแล้ว
ต้องมีอกุศลจิตติดตัวไป แม้ว่าท่านไม่ได้ฆ่าสัตว์นั้นด้วยตัวเอง แต่พระพุทธองค์ท่านก็ยังฉันอาหารที่เป็นเนื้อสัตว์เสมอ
พระองค์มิได้หยุด หรือห้ามสาวกมิให้ฉัน
คำตอบก็คือ เพราะพระพุทธองค์ท่านรู้ความจริงว่า
บาปกรรมก็คือ การกระทำโดยเจตนาในจิตที่คิดเป็นอกุศล ถ้าจิตไม่คิดเป็นอกุศล ก็ไม่มีบาปเกิดขึ้น
พระพุทธองค์ท่านจึงไม่นำความคิดที่เป็นอกุศลมาใส่ลงไปในจิตของตัวเอง
โชคดีที่คนทั่วไปไม่ได้ยึดถือแบบพระ
ถ้าไปยึดติดและคิดมากว่าหมู เห็ด เป็ด ไก่ เขาต้องไปฆ่ามาให้เรากิน เราไปกินก็น่าจะเป็นบาปด้วย
เพราะสนับสนุนให้มีการฆ่าสัตว์ ถ้าท่านคิดแบบพระ และนำคำสอนที่พระพุทธเจ้าสอนสาวก(พระ)
มาใช้กับตนเอง ท่านก็ผิดแล้ว
เอ้า! มาดูตัวอย่างเรื่องสุดท้ายกัน
ในหนังฝรั่งที่มีชื่อเรื่องว่า คอนสแตนติน พระเอกชื่อคอนสแตนติน เขาเคยฆ่าตัวตายสมัยวัยรุ่น
โชคดีที่ตายไปแล้ว แต่ฟื้นขึ้นมาใหม่ได้ คอนสแตนตินคนนี้เลยกลับใจ หันมาทำหน้าที่ไล่ผีและปีศาจร้าย
แต่ทว่าพระเจ้าก็ไม่ได้ให้อภัยเขาเพราะว่าเขาไล่ผีปีศาจและทำทุกอย่างเพื่อตัวเอง คือเพื่อให้พระเจ้ารับเขาขึ้นสวรรค์
และไม่ลงโทษเขาที่เขาเคยฆ่าตัวตาย เขาไม่ได้ทำเพื่อคนอื่นโดยแท้จริง แม้ว่าการกระทำของเขาใครที่เห็นต้องบอกว่า
คนๆนี้เป็นคนดีมากๆ
อยู่มาวันหนึ่ง เขาไปช่วยผู้หญิงคนหนึ่ง
ซึ่งถูกผี ปีศาจ และพญามารที่อยู่ในร่างของเทพรุมกันทำร้าย คอนสแตนตินรู้ว่า ไม่มีทางสู้พวกนี้ได้แน่
เขาเลยฆ่าตัวตายเป็นครั้งที่ 2 เพื่อล่อให้ซาตานหรือพญามารอีกตน ออกมากำจัดพญามารที่อยู่ในร่างของเทพ
ซึ่งก็สามารถกำจัดได้ การฆ่าตัวตายครั้งที่ 2 นี้กลับไม่ได้เป็นบาป แต่กลับกลายเป็นบุญและกุศลอันยิ่งใหญ่ที่พญามารจะนำร่างของเขาไปลงนรกไม่ได้
เพราะเขาได้เสียสละแม้กระทั่งชีวิตของตนเองและเขายังยอมตกนรก ไม่ได้ผุดไม่ได้เกิด จากการฆ่าตัวตายครั้งที่
2 เพื่อช่วยเหลือคนอื่นท่านอย่าดูถูกคำสอนของศาสนาอื่น หรือแม้แต่ความคิดของผู้สร้างหนังเรื่องนี้
เพราะพระเจ้าแท้จริง พระองค์ท่านทรงสอนและชี้นำอยู่ในจิตของทุกคน ทุกชาติ ทุกศาสนา
ผมหวังว่า พวกท่านคงเข้าใจเรื่องปรมัตถ์สัจจะและโลกุตระธรรม
ตามที่ผมอธิบายมาอย่างละเอียด แม้ว่าในความเป็นจริงผมยังไม่รู้คำแปลที่แท้จริงของคำว่า
โลกุตระธรรม เลย
ผมสรุปได้แต่เพียงว่า
บาปหรือบุญอยู่ที่เจตนาของจิตณ
เวลานั้นว่า เป็นกุศลหรือไม่เป็นกุศล ผิดศีล 5 อาจจะไม่บาป ซ้ำยังอาจจะเป็นบุญด้วย
ถ้าจิตนั้นเป็นกุศลในตอนที่ทำลงไป
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น