A A

7-5 ระลึกชาติได้

ผมเป็นคนหนึ่งที่ระลึกชาติได้ ความจำชาติในอดีตของผม เริ่มตั้งแต่ก่อนผมเกิดด้วยซ้ำตอนนั้นผมอยู่ในสวรรค์ชั้นที่ 1 น่าจะเป็นภูมิที่ 3 ( จัดแบบใหม่ตามหนังสือเล่มนี้ ) ตอนที่ผมเริ่มจำได้ คือตอนที่ผมต่อคิวจะไปเกิด และมีวิญญาณอีกดวงหนึ่งต่อคิวหลังจากผม วิญญาณดวงนั้นยืนอยู่ข้างๆผม จู่ๆผมก็สะดุ้งตกใจ เพราะผมได้ยินเจ้าหน้าที่สวรรค์ตะโกนแบบตะคอกผมว่า “ ถึงตาของเจ้าแล้ว ”
ผมจำเรื่องราวอื่นก่อนหน้านี้ไม่ได้ แต่ผมรู้ว่า ไอ้เจ้าหน้าที่สวรรค์คนนี้มันช่างบังอาจจริงๆ พูดจาเสียงแข็งกับผม ในความรู้สึกของผม ผมรู้ว่าผมน่าจะมียศสูงไม่ใช่น้อยในสวรรค์ชั้นนี้ การจะพูดกับผมต้องพูดให้ไพเราะหน่อย ไม่ใช่พอเห็นผมสิ้นอำนาจสิ้นบารมีแล้ว จะพูดเสียงแข็งและไม่นอบน้อมยังไงก็ได้ อย่างไรก็ตาม ผมก็ไม่ว่าอะไรเขา
ในตอนนั้น หัวของผมคิดเรื่องอื่นอยู่ว่า ผมถูกไล่ให้ไปเกิดในโลกมนุษย์ ยังมีโอกาสที่ผมจะทำความดี และฝึกสมาธิให้มีฤทธิ์อำนาจ แล้วผมค่อยกลับมาแก้แค้นผู้ควบคุมสวรรค์และลูกน้องในสวรรค์ชั้นนี้ ผมจะปฏิรูประบบสวรรค์ชั้นนี้ใหม่ เพราะตัดสินลงโทษผมแบบไม่เป็นธรรม ผมคิดว่า ผมอยู่ในโลกยังดีกว่าให้ไปตกนรกเยอะ แบบมากมายมหาศาลเลย
หลังจากนั้น ผมก็ถูกดูดลงมาตกในท้องผู้หญิงคนหนึ่ง ผมรู้สึกอึดอัดไปหมดเคลื่อนไหวอะไรก็ไม่ได้ ความรู้สึกอึดอัดแบบนั้นเกิดขึ้นหลายครั้ง จนกระทั่งมีคนดึงผมออกมา ความจำแบบผู้ใหญ่ของผมกลับมาอีกครั้ง เมื่อมีผู้หญิงคนหนึ่งมาเรียกผมว่าลูก ผมสังเกตเห็นผู้ชายคนหนึ่ง(พ่อผมเอง) ผมรู้จักเขาดี ไอ้เอ๋งนี่หว่า ผมพยายามเรียกทักทายเขา แต่เสียงที่ออกมา มันกลายเป็นเสียงเด็กร้องไห้ เขา(พ่อผม)เลยฟังไม่รู้เรื่อง แล้วผมก็เสียความทรงจำไป
ผมมาจำได้อีกที ตอนที่ผมขี้แตก ผมพยายามจะลุกขึ้นไปทำความสะอาด แต่ผมก็ลุกไม่ได้ ทันใดนั้น ผมก็รู้สึกว่า มีคนมาทำเช็ดทำความสะอาดบริเวณสะโพกและก้นให้ผม ผมขายหน้าอย่างมาก ที่ให้คนอื่นทำความสะอาดให้ แต่ผมทำอะไรไม่ได้ ผมเลยคิดว่า ปล่อยไปเถอะ มันสะอาดก็พอแล้ว
ผมเสียความทรงจำไปอีก และจำได้ใหม่อีกหลายครั้ง ครั้งที่จำได้แม่นมาก คือผมพยายามเล่นของเล่นสีแดง สีฟ้า และสีอื่นๆ ตอนนั้นผมบอกตัวเองว่า บ้าหรือไง เอาของเล่นเด็กมาเล่น แต่ภายหลัง ผมกลับคิดว่า มันก็มันเหมือนกันนะนี่
ผมลืมเรื่องราวเหล่านี้ไป 30 กว่าปี จนกระทั่งวันหนึ่ง ผมคิดว่าผมได้ญาณพิเศษบางอย่างจากการทำสมาธิ ผมจึงจำเรื่องราวเหล่านี้ได้ ช่วงนั้นผมได้ตาทิพย์ด้วย ผมเห็นมือของหลานสาวยกไปทางซ้ายที ขวาที และทำมือรูปอย่างอื่น ผมก็เห็นทุกอย่าง ทั้งๆที่ผมหลับตา แม่ผมและพี่ชายผมหาว่าผมบ้า และห้ามหลานสาวผมไม่ให้เล่นกับผม แต่ผมยืนยันว่า ผมเห็นจริงๆ เห็นแบบเป็นฟิล์ม NEGATIVE
พี่ชายและแม่ผมเลยลองทดสอบ ผมสังเกตว่า ถ้าของนั้นสะท้อนแสงได้ ไม่ว่ามันจะเป็นรูปทรงเหลี่ยม หรือรูปทรงอะไรก็ได้ ผมสามารถทายถูกว่าของสิ่งนั้นเป็นอะไร ทั้งๆที่พี่ชายของผมเอาผ้ามาคลุมผมหลายชั้น จนร้อนอบอ้าวไปหมด
ยุคที่รุ่งที่สุดคือ ตอนที่ผมทำสมาธิแบบนั่งทำนอนทำทั้งคืน จิตของผมตอนนั้นสงบและเป็นสุขอย่างมาก วันหนึ่งผมสงสารแม่ที่เจ๊งหวยอยู่ได้ทุกงวดๆ ผมเลยจับใบตรวจลอตเตอรี่ใบหนึ่ง หลับตาลงแพล็บเดียว ผมเห็นตัวเลข 24 ขึ้นมา ผมเลยบอกแม่ไปว่า อย่าแทงตัวอื่น เลขที่ออกงวดนี้จะเป็น 24 พระองค์ไหนหรือใครเอาเลขเด็ดอะไรมาให้ ก็ไม่ต้องแทงทั้งนั้น เพราะผมรู้ว่า งวดนี้เลขท้ายออก 24 แน่ๆ
พอผมออกจากบ้านไปสัก 2 ชั่วโมง ผมก็โทรไปย้ำกับแม่อีกที ผมบอกไห้แม่ใส่หมดตัวเลย ได้แล้วเลิก อย่าซี้ซั้วแทงอีก ในใจผมตอนนั้น ไม่มีความโลภเลย มีแต่ความสงสารแม่ ตอนที่ผมอยู่ในออฟฟิศตัวเอง ผมถามคนในออฟฟิศว่า เลขท้ายงวดนี้ออกอะไร เขาบอกว่า 24 ผมถามย้ำอีกครั้ง เขาก็บอกว่า 24 ผมนึกว่าแม่ผมรวยแล้ว แต่ที่ไหนได้ พอผมกลับไปถึงบ้าน แม่ผมบอกว่า ไม่ได้แทงเลข 24 เพราะทางนั้นทางนี้ ให้เลขเด็ดมาเต็มไปหมดแล้วเลขของผมก็ไม่มีที่มาที่ไป อยู่ๆเอาใบตรวจลอตเตอรี่มาจับ แล้วจะไปเชื่อได้อย่างไร
ตั้งแต่นั้น ผมไม่เคยใช้การทำสมาธิ ที่ทำให้เห็นแบบมีตาทิพย์อีกเลย เพราะมันต้องใช้เวลานานมากๆ อาจจะ 5-7 ชั่วโมง(รวมเวลาที่เคลิ้มหลับด้วย) จึงจะเข้าสู่ความสงบขั้นนั้นได้ แล้วเมื่อถึงตอนนั้น ใจผมก็ละวางจากกิเลสแล้ว ไม่ต้องการเงินอีก แม้แต่แม่ของตัวเองแท้ๆ ย้ำแล้วย้ำอีก โทรมาเตือนด้วย แต่คนไม่มีดวง ยังไงๆเขาก็ต้องเสียหวยวันยังค่ำ
แม่ผมเขาเห็นผมมาตั้งแต่เด็ก เขาเลยไม่เชื่อผม ไม่มั่นใจและไม่ศรัทธาในสิ่งที่ผมเห็น
เขาเห็นแต่ผมนอนกรนครอกๆๆ อยู่ เขาเลยไม่เชื่อว่า ผมนอนทำสมาธิอยู่ ผมจำได้ว่า ในไบเบิลมีข้อความว่า “ ศาสดาพยากรณ์ย่อมไม่ได้รับความนับถือในบ้านของตนเอง ”

ความคิดเห็น