A A

6-2 ถอดวิญญาณไปดูนรกไม่ได้ สวรรค์เลยให้พบกับคนที่ต้องตกนรกแทน

หลังจากที่ผมไปดูนรกไม่สำเร็จ หลายสัปดาห์ต่อมา ผมได้เดินทางไปที่ลอนดอนในขณะที่อยู่ในลอนดอน ผมได้คุยกับเพื่อนในกลุ่มที่ไปลอนดอนด้วยกัน เขาเล่าให้ฟังว่า การไปเที่ยวตามบาร์ตามคลับในลอนดอนช่วงกลางคืน ต้องระวังตัวให้ดี เพราะเขากับเพื่อนอีกคนหนึ่ง เคยไปซื้อเบียร์กินแค่คนละแก้ว แต่ถูกแก๊งในลอนดอนใช้อิทธิพล รีดไถเงินค่าเครื่องดื่มไปถึง 400 ปอนด์ เขากลัวจะมีเรื่องเลยยอมจ่ายเงินไป
หลายวันผ่านไป เพื่อนท่านอื่นที่ไปลอนดอน เขาพากันกลับบ้านหมด เหลือผมอยู่คนเดียว ผมมีตั๋วเครื่องบินเดินทางกลับเมืองไทยตอนเย็น ผมเลยนอนๆนั่งๆอยู่ในโรงแรม จู่ๆในใจของผมก็เหมือนกับมีใครมาบอกทางจิตว่า ให้ไปที่ย่านนั้นในลอนดอนเดี๋ยวนี้เลย แล้วจะสอนให้ว่า ใครที่จะต้องตกนรก? และโทษในนรกมันร้ายแรงแค่ไหน? และเมื่อไรคนทำชั่วจึงจะพ้นจากนรก?
ผมรู้ว่า ผมไม่ได้คิดไปเองเรื่องเสียงในใจ เพราะผมเคยมีประสบการณ์ เรื่องการได้รับคำชี้นำจากสวรรค์อยู่เป็นประจำ ด้วยเหตุนี้ ผมจึงตัดสินใจไปย่านนั้นทันที แต่ก่อนไปผมขอซ่อนเงินทั้งหมดไว้ในกระเป๋าเดินทางก่อน ผมเอาเงินไปแค่ 50 ปอนด์ กับเศษตังนิดหน่อย
ในใจผมคิดว่า ไม่น่าจะมีอะไร เพราะตอนนั้นเป็นเวลาใกล้เที่ยง บาร์ส่วนใหญ่คงจะปิด แต่เอ๊ะ! นั่นมันช่างบังเอิญจริงๆ ผมเห็นบาร์แห่งหนึ่งเปิดอยู่ ดังนั้นผมเลยตัดสินใจ เดินเข้าไปในบาร์แห่งนั้นทันที ผมสั่งเบียร์ไปแก้วหนึ่ง ป้ายเขียนว่า 3.75 ปอนด์ ผมนั่งดื่มเบียร์อยู่ไม่กี่นาที ก็มีหญิงสาวหุ่นดีแต่งชุดวาบหวิวคนหนึ่ง มาขอนั่งด้วย ผมก็ให้นั่งไม่ได้ว่าอะไร สาวเสริฟคนนั้นพยายามยั่วผม ผมก็ตอบสนอง โดยการลูบขาเขาไปครั้งเดียว
พอเบียร์หมดแก้ว ผมก็เรียกเช็คบิล สาวเสริฟคนนั้นเอากระดาษใบหนึ่งมาให้ผมดู ในนั้นระบุค่าเบียร์ 200 ปอนด์ ผมงงไปหมด เพราะป้ายเขียนว่า 3.75 ปอนด์/แก้ว หญิงคนนั้นบอกผมว่า ผมเอามือลูบขาเขา เขาก็เลยชาร์จเพิ่ม ผมแสดงเงินในกระเป๋าให้เขาดูว่า กระเป๋าเงินของผมมีเงินอยู่ทั้งหมด 40 ปอนด์ อย่างมากผมก็จ่ายให้เขาได้ครึ่งเดียว ผมบอกว่าผมต้องขึ้นรถเมล์ไปสนามบินอีก
เมื่อไถเงินผมไม่ได้ตามเป้า สาวเสริฟคนนั้นเลยไปตามคนขายเบียร์ ซึ่งน่าจะเป็นคนคุมร้านนั้นมา และยังเรียกนักเลงอีกคนมายืนคุมด้วย คนคุมร้านพยายามเก็บเงินจากผม 200 ปอนด์ แต่พูดยังไงๆ ขู่ยังไงๆ ผมก็บอกว่า ผมจ่ายได้แค่ไม่เกิน 20 ปอนด์ เพราะผมมีเงินอยู่ทั้งหมด 40 ปอนด์ ถ้าเขาไม่เอา ก็ไม่ต้องพูดกัน ผมท้าให้เขาค้นตัวผมดูได้ ถ้าไม่เชื่อที่ผมพูด คนคุมร้านเขาเลยเงียบ เขาคงเชื่อผม
เขาหยุดไถเงินผมต่อ เขารู้ว่าไม่มีทางไถเงินผมได้มากกว่า 20 ปอนด์ เขาเลยตกลงกับผมว่า 20 ปอนด์ก็ 20 ปอนด์ แต่พอผมควักเงินธนบัตร 40 ปอนด์ ออกมาจ่ายให้เขา เขากลับไม่ยอมทอนเงินให้ผมอย่างเดียว เขาเดินไปเต้นรำตามจังหวะเพลงอีกทาง โยกย้ายสะโพกไปสะโพกมา ผมทวงเงินทอนอยู่ครู่เดียว ก็ถูกคนคุมร้านไล่ออกจากร้าน ถ้าผมไม่ไป เขาขู่ว่าจะให้คนของเขามาลากผมออกไป
ช่วงที่ผมคุยกับคนขายเบียร์ ซึ่งเป็นคนคุมร้านอยู่นั้น ผมมีความรู้สึกว่า วิญญาณของผมซึ่งอยู่ในร่างกายของผม มันไม่เกาะติดอยู่กับร่างกายเนื้อของผมแต่อย่างใด แม้ว่าวิญญาณกับร่างกายมันยืนอยู่ที่จุดเดียวกัน แต่ทว่าวิญญาณมันลอยแยกออกจากร่างกาย
ทันใดนั้นเหมือนมีใครมาบอกกับผมทางจิต ทำให้ผมรู้โดยอัตโนมัติเลยว่า คนคุมร้านนั้นจะตกนรก แต่ผู้หญิงกับนักเลงไม่ถึงขั้นจะตกนรก พอผมสงสัยในใจว่า ทำไม? ทันทีที่ผมนึก ผมก็รู้คำตอบนั้นในใจเดี๋ยวนั้นเลยว่า ผู้หญิงกับนักเลงแค่แสดงบทบาท แต่คนคุมร้านเป็นผู้วางแผน และได้รับเงินไป ในใจของคนคุมร้าน เขาไม่มีความเมตตาปราณีแม้แต่น้อย เขาเชื่อผมว่า ผมต้องใช้เงินเพื่อขึ้นรถเมล์ไปสนามบินจริงๆ แต่คนๆนี้เขาไม่สนใจ ไม่มีคำว่าสงสาร และไม่มีคำว่า มีน้ำใจเอื้อเฟื้อแม้แต่น้อย อยู่ภายในใจของเขา เขาทำให้คนอื่นเดือดร้อนได้อย่างสบาย และก็ทิ้งขว้างไปอย่างไม่ไยดีอะไรทั้งสิ้น ขอเพียงได้เงินเข้ากระเป๋า เขาก็พอใจแล้ว แล้วเขาก็ทำแบบนี้มามากครั้งแล้ว ผมถามในใจต่อว่า คนคุมร้านจะตกนรกนานแค่ไหน? และทุกข์ในนรกจะรุนแรงเพียงใด? ยังไม่ทันที่ผมจะถามในใจจบ ใจผม(แต่ไม่ใช่ผม)ก็ตอบทันทีว่า เขาจะตกนรกเป็นเวลานาน จนกว่าเขาจะสิ้นกรรม และทุกข์ในนรกจะรุนแรงเท่ากับความใจดำอำมหิต ที่เขากระทำกับเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน
ก่อนที่ผมจะออกมาจากบาร์แห่งนั้น ผมอยากจะบอกสิ่งที่สวรรค์บอกกับผมในใจเหลือเกินว่า เขาจะตกนรก และผมมาที่บาร์ของเขา ก็ไม่ใช่เป็นการบังเอิญ แต่เป็นคำบัญชาของพระเจ้า แต่ถ้าผมขืนพูด และพยายามเตือนอะไรเขา เขาอาจจะคิดว่า ผมคงเสียดายเงินและพยายามจะเอาเงินที่เสียไปคืน เขาไม่มีทางเชื่อผมหรอกว่า ผมไม่สนใจเงินจำนวน 40 ปอนด์แม้แต่น้อย ใจของผมอยากช่วยเขาจริงๆ ผมไม่ได้โกรธเคืองอะไรเขาเลย มีแต่ความเมตตาสงสาร แต่เมื่อผมไม่เห็นหนทางจะช่วยเหลืออะไรเขาได้ ถ้าผมขืนพยายามจะช่วย มีหวังผมต้องเจ็บตัวแน่ๆ ในตอนนั้นผมเลยต้องวางเฉยเป็นอุเบกขา
ผมออกจากบาร์ และใช้เงินอีกส่วนหนึ่งที่ซ่อนอยู่ในถุงเท้า เป็นค่ารถแท็กซี่กลับโรงแรม กินอาหารแล้วก็ตรวจข้าวของ เตรียมตัวกลับเมืองไทยในตอนเย็น

ความคิดเห็น