6-1 ทำสมาธิเพื่อถอดวิญญาณไปดูนรก แต่ไปไม่ถึง
16-20 ปีที่แล้ว
ผมได้อ่านนสพ.ฉบับหนึ่ง เห็นข่าวคนตายแล้วฟื้น คนๆนั้นเล่าให้ฟัง
ตอนแกฟื้นขึ้นมาว่า แกไปเห็นนรกมา แล้วยมบาลให้โอกาสแกกลับเข้าร่างกายของแกใหม่เมื่อฟื้นขึ้นมา
จะได้เล่าเรื่องราวในนรกให้คนอื่นฟัง เตือนให้พวกเขารู้ว่า นรกมีอยู่จริง พวกเขาจะได้หมั่นสร้างบุญสร้างกุศลเอาไว้
ตอนที่ยังมีโอกาสเป็นมนุษย์อยู่ อีกไม่กี่วันแกก็ตายใหม่ คราวนี้ตายแล้วตายเลย ไม่ฟื้นขึ้นมาอีก
ผมเชื่อว่าคนๆนี้แกไม่โกหกอย่างแน่นอน
13-15 ปีก่อน
เป็นช่วงที่ผมรุ่งเรืองทางด้านการทำสมาธิอย่างมาก ผมเคยถอดวิญญาณมาหลายครั้ง แต่ส่วนใหญ่เป็นการอาศัยความช่วยเหลือของวิญญาณ
โดยผมอาศัยจังหวะตอนที่วิญญาณมาปลุกผม พอผมรู้สึกตัว ผมก็นอนเข้าสมาธิไปเลย แล้วท่องบริกรรมว่า
“ รัก เมตตา กรุณา และให้อภัย ” ไปเรื่อยๆ เพื่อให้เกิดความสงบ บางครั้งวิญญาณของผมก็ลอยออกจากร่างกาย
สูงขึ้นไปประมาณ 1 เมตร บางครั้งวิญญาณของผมก็ไม่ลอยออกจากร่าง
แต่อำนาจการอำของวิญญาณดวงอื่นที่มาปลุกผม จะหลุดหายไป ไม่มีเหลืออยู่อีกต่อไป
ครั้งนี้ผมตั้งใจมั่นว่า ผมจะไปนรกให้ได้
เพื่อจะพิสูจน์ว่า มันจริงหรือเปล่าที่ว่าในนรกมีการทรมานที่โหดร้ายทารุณ และรุนแรงหฤโหดสุดทน
ไม่มีการปราณีใดๆแม้แต่น้อย อย่างไรก็ตาม ช่วงนั้นผมได้แผ่เมตตาและอุทิศกุศล อันเกิดจากการทำสมาธิ
ปลดปล่อยวิญญาณแถวหมู่บ้านของผม และที่บ้านเก่าในซอยอ่อนนุชไปเกือบหมด ครั้งนี้ผมต้องการใช้ผีให้ช่วยมาอำผม
แต่ผีมันเกิดขาดแคลน ผมเลยหาผีให้ช่วยมาอำผมไม่ได้เลย แต่ผมตั้งปณิธานอย่างแน่วแน่แล้วว่า
ผมจะต้องไปนรกให้ได้ เมื่อไม่มีวิญญาณเหลืออยู่ให้ใช้ ผมก็เลยต้องลองถอดวิญญาณเอาเอง
ทั้งๆที่ไม่เคยทำมาก่อน ยังไงๆงานนี้ผมสู้ตาย
ว่าแล้ว…ผมก็ทรุดตัวลงนั่งลงทำสมาธิ
นั่งไปได้สักครึ่งชั่วโมง ดันเกิดง่วง ผมเลยเคลิ้มหลับไป แต่เป็นการหลับที่ยังรู้สึกตัวอยู่
ผมพยายามฝืนใจไม่ยอมหลับแบบสนิท เวลานอนก็ขอนอนเข้าสมาธิในแบบกึ่งหลับกึ่งตื่น ในใจของผม
ผมก็ยังท่องบริกรรมต่อไปเรื่อยๆว่า “รัก เมตตา กรุณา และให้อภัย ” แต่สุดท้ายผมก็เผลอหลับไปเลย
พอรู้สึกตัวตื่นขึ้นมา ผมก็นั่งทำสมาธิต่อ
เวลาง่วงเผลอหลับ ผมก็ปล่อยไปคือ ทำเหมือนเดิม เมื่อรู้สึกตัวทีไร ผมก็จะท่องบริกรรมต่อไปเรื่อยๆ
วันนี้หัวเด็ดตีนขาดยังไง ผมก็ไม่มีทางเลิกการทำสมาธิอย่างแน่นอน และจะไม่ยอมหยุดด้วย
จนกว่าผมจะบรรลุเป้าหมาย
เวลาผ่านไปได้ 5
ชั่วโมง ตอนนั้นผมต้องการพลิกตัว แต่ผมรู้ว่าทางซ้ายผมจะพลิกตัวไม่ได้
เพราะจะตกเตียง เนื่องจากตอนเริ่มนอนในวันนี้ ผมนอนกลับหัวกลับหางจากตามปกติ ทว่ากว่าจะรู้ตัวก็สายเกินไป
ผมได้เผลอพลิกตัวไปทางซ้ายแล้ว แต่เอ๊! ทำไมผมถึงไม่ตกเตียง แล้วผมก็ได้ยินเสียงกรนของตัวเอง
นี่จะเป็นไปได้อย่างไร ธรรมดาคนนอนหลับจะไม่ได้ยินเสียงกรนของตัวเอง
เมื่อรู้สึกตัว วิญญาณของผมก็ตื่นเต็มที่แล้ว
ผมเลยตั้งสติ เอ้า! นี่ผมลอยอยู่นอกร่างกายของตัวเองแล้วหรือนี่
ผมถอดวิญญาณได้สำเร็จจริงๆ ใจหนึ่งผมยังท่องบริกรรมต่อ อีกใจหนึ่ง
ผมก็ตั้งจิตอธิษฐาน ขอให้ตัวเองไปดูนรก
ทันใดนั้น…ผมมีความรู้สึกว่า
วิญญาณของผมมันลอยเคลื่อนที่ไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วผมรู้สึกถึงเสียงสายลมตีผ่านหูผมไปแผ่วๆ
และไม่แรงเหมือนเสียงลมที่ผ่านเข้าหูคนขับรถเวลาขับรถยนต์ไปข้างหน้าอย่างเร็วๆ นอกจากนี้
ผมยังได้ยินเสียงของผู้หญิงร้อง และมีเสียงคนพูดโวยวายมั่วไปหมด อึกทึกจริงๆ ผมเลยเสียสมาธิ
ผมคิดว่าเรื่องไปนรก ผมขอพักไว้แป๊ปหนึ่ง ผมขอไปดูก่อนว่า เสียงผู้หญิงที่ไหนวะ มาร้องอยู่ข้างๆหูผม
ว่าแล้วผมก็ลืมตาดู การลืมตาครั้งนี้เป็นการทำผิดอย่างมหันต์ เพราะมันทำให้ผมเสียสมาธิทันที
งานใหญ่ของผมก็เลยมีอันต้องพังลงเพราะวิญญาณของผม ดันกลับเข้าสู่ร่างกายเนื้อของตนเองซะแล้ว
ก็ไม่ทราบโชคดีหรือโชคร้าย แต่ที่แน่ๆ
ตั้งแต่วันนั้นผมได้เลิกล้มความคิดว่าจะไปนรกเพราะมันต้องทำสมาธิแบบอึดถึงที่สุดจริงๆ
จะนอนหลับให้เต็มอิ่มก็ไม่ได้ ต้องทำตัวเองให้วิญญาณมันตื่น แม้ร่างกายจะเผลอหลับไปแล้วก็ตาม
และก็ยังต้องท่องบริกรรมไปตลอด ไม่มีการหยุด ทุกครั้งที่รู้สึกตัวในความหลับ
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น