A A

5-3 ช่วยวิญญาณที่ตกค้างจากสึนามิ

หลังจากเกิดเหตุคลื่นสึนามิถล่มภาคใต้ได้ 3 วัน คือในวันที่ 28 ธันวาคม 2547 ผมได้ตัดสินใจเข้าสมาธิ เพื่อแผ่เมตตาให้ดวงวิญญาณที่เสียชีวิต แต่ช่วงที่ทำสมาธิ ผมเกิดเสียกำลังใจ เพราะผมได้สัมผัส และรับคลื่นของกระแสวิญญาณ มันมีจำนวนมากมายเหลือเกิน ผมคาดว่าเป็นหมื่นคน ไม่ใช่จำนวนพันถึงสองสามพันคน เหมือนที่สื่อต่างๆ เสนอข่าวในช่วงนั้น
แล้วผมจะแผ่เมตตา ช่วยวิญญาณเหล่านี้ได้อย่างไร เพราะน้ำน้อยย่อมแพ้ไฟ แล้วไฟที่เข้ามาครั้งนี้ มันมีขนาดใหญ่มหึมาจนรับไม่ไหว ผมซึ่งเปรียบเหมือนน้ำเพียงขันเดียว ผมจะไปช่วยอะไรได้ ประกอบกับในวันนั้น ผมยังไม่ได้ข่าวการร่วมมือร่วมใจกันของบรรดาศาสนาต่างๆ ในการสวดศพให้ผู้ตายจากเหตุการณ์สึนามิ ดังนั้นผมเลยเกิดเสียกำลังใจ ผมคิดว่าผมนอนดีกว่า อย่าไปยุ่งกับกิจการที่มันใหญ่เกินตัวเลย อย่างไรก็ตาม ก่อนจะนอนผมได้ทำสมาธิส่งกระแสจิตไปบอกดวงวิญญาณ ที่เสียชีวิตจากสึนามิว่า ถ้าใครต้องการให้ผมช่วยแผ่เมตตาให้ก็ช่วยปลุกผมด้วยก็แล้วกัน
ผมนอนหลับไปได้ไม่ถึง 15 นาที ก็มีวิญญาณของเด็กผู้ชายคนหนึ่ง คาดว่าอายุไม่ถึง 8 ขวบ เอื้อมมือมาดึงมือของผมขึ้น ผมเลยตระหนักว่า ต้องมีวิญญาณเด็กหรือผู้ใหญ่บางคนที่ตกค้าง ไม่ได้รับการสวดศพ หรือทำพิธีทางศาสนาครั้งนี้แน่ วิญญาณที่ตกค้างเหล่านี้ พวกเขาคงต้องการพึ่งผม ผมจะนอนต่อไม่ได้แล้ว เดี๋ยวหลับยาว
ผมรีบลุกขึ้น และทำการแผ่เมตตาให้วิญญาณเด็กดวงนี้ทันที วิธีการแผ่เมตตาของผมก็
เป็นวิธีเดิม คือผมนั่งลงด้วยจิตใจอันสงบ แล้วท่องในใจ 2-3 ครั้งว่า
“ ผม นายพลศักดิ์ วังวิวัฒน์ ขอแผ่กุศลและแผ่เมตตาให้ดวงวิญญาณ ที่เพิ่งมา
ติดต่อและมาหาผมเมื่อสักครู่นี้ ผลบุญและกุศลใดๆ ที่จะเกิดขึ้นจากการ
นั่งสมาธิของผมในวันนี้ ผมของยกให้ดวงวิญญาณดวงนี้โดยเต็มใจทั้งหมด ”
หลังจากนั้นผมก็นั่งอยู่ในสมาธิ 15 นาที ท่อง “ รัก เมตตา กรุณา และให้อภัย ”
และนับตัวเลข 1-10 ย้อนกลับไปกลับมาสัก 7-8 เที่ยว เพื่อทำให้เกิดสมาธิ แต่ถ้าท่องแล้ว จิตเกิดไม่สงบเต็มร้อยก็ไม่เป็นไร ขอเพียงเจตนาของผม อยู่ที่การแผ่เมตตาและกุศลให้กับดวงวิญญาณที่มาหาผม ก็ถือว่าใช้ได้แล้ว
วันที่ 31 ธค. มีดวงวิญญาณอีกดวงหนึ่งที่เสียชีวิตจากคลื่นสึนามิมาหาผม เพราะผมเรียกเขาให้มาหา ถ้าเขาต้องการให้ผมช่วยแผ่เมตตาให้ วิญญาณดวงนี้เป็นเด็กผู้ชาย อายุไม่น่าเกิน 6 ขวบ เขาเข้ามาอำผม โดยนั่งอยู่บนขาผม ทำให้ผมรู้สึกตัวตื่นขึ้น
คราวนี้ผมขอลองแผ่เมตตาวิธีใหม่ดูบ้าง มันเป็นวิธีที่ผมแนะนำท่านผู้อ่านท่านหนึ่ง ที่นับถือศาสนาคริสต์ให้นำไปใช้ แต่ผมยังไม่เคยทดสอบวิธีนี้เลย ครั้งนี้ผมต้องลองดูสักหน่อย ไม่รู้ว่าวิญญาณดวงนี้ จะได้รับกุศลหรือเมตตา จากวิธีการใหม่ของผมหรือไม่ ผมเริ่มนั่งลงและทำสมาธิ โดยการท่องประโยคนี้ในใจซ้ำกัน 10 เที่ยวอย่างช้าๆ
“ ผม นายพลศักดิ์ วังวิวัฒน์ ขอแผ่กุศลและแผ่เมตตาให้
ดวงวิญญาณที่เพิ่งมาติดต่อและมาหาผมเมื่อสักครู่นี้ ”
เนื่องจากผมกลัวว่าจะไม่ได้ผล เพราะเป็นวิธีใหม่ ผมเลยนอนสมาธิ พร้อมกับท่องประโยคเดิมซ้ำอย่างช้าๆอีก 6-7 เที่ยว ผมบอกเด็กคนนั้นทางจิตว่า ถ้าได้รับกุศลและเมตตาจิตจากผม ให้เขาไปได้เลย ไม่ต้องมาขอบคุณผมอีกทีผลปรากฏว่าเด็กคนนั้นไปเลย และไม่ได้กลับมาหาผมอีก
ในวันที่ 10 มกราคม 2548 ยังมีวิญญาณอีกดวงหนึ่ง ที่ตกค้างจากเหตุการณ์สึนามิวิญญาณดวงนั้นได้มาหาผม ในขณะที่ผมกำลังนอนจะหลับ ผมมีความรู้สึกว่า อวัยวะบางส่วนของผมกระตุกขึ้น แสดงว่า มีวิญญาณมารอการอำร่างผม ทันทีที่ผมเคลิ้มหลับ ทั้งนี้เพื่อให้ผมช่วยแผ่เมตตาให้ เมื่อผมรู้ตัวล่วงหน้า ผมเลยลองใช้วิธีใหม่อีกครั้ง แต่ครั้งนี้ผมลองนอนแผ่กุศลและเมตตาจิตให้ดวงวิญญาณดวงนี้ ผมท่องบทแผ่เมตตาแบบใหม่ไปแค่ 6-7 เที่ยว แล้วก็เผลอนอนหลับไป
ผมพบว่าวิญญาณดวงนั้นยังไม่ไป เขาเข้ามาอำร่างผม วิญญาณดวงนั้นเป็นเด็กผู้ชายผมเดาว่า อายุของเขาคงประมาณ 13-15 ปี การที่เขายังมาหาผม แสดงว่ากุศลและการแผ่เมตตาของผมเพียง 6-7 เที่ยว ยังไม่เพียงพอที่จะส่งเขาไปเกิดใหม่ หรือไปอยู่ในภพภูมิอื่น แต่มันยังไม่ได้พิสูจน์ว่า การแผ่เมตตาวิธีใหม่ของผมไม่ได้ผล
ผมยังเชื่อมั่นในวิธีใหม่ แต่การแผ่เมตตา บางครั้งต้องทำหลายครั้งและหลายวัน และจะทำแบบส่งๆไป หรือทำแบบขอไปทีไม่ได้ ต้องตั้งใจให้มั่น และไม่กลัวผีจนจิตใจวอกแวก ผีก็คือคน แต่เขาช่วยตัวเองไม่ได้แล้ว ทำให้วิญญาณของเขายังไปที่อื่นไม่ได้
ด้วยเหตุนี้ ผมเลยต้องเข้าสมาธิและแผ่เมตตา ตามวิธีการใหม่อีกครั้งหนึ่ง แต่ครั้งนี้ผมใช้เวลานานขึ้น และมีความตั้งใจมากขึ้น ครั้งนี้วิญญาณดวงนี้สามารถไปได้ เขาเลยไม่ได้กลับมารบกวนผมอีก
วันที่ 13 มกราคม วันนั้นผมนึกไม่ถึงว่า ยังมีดวงวิญญาณที่ตายจากสึนามิอีกดวง ยังตกค้างอยู่ เขามาหาผม ผมไม่ทราบว่าเขาเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย เด็กหรือผู้ใหญ่ บังเอิญผมรับรู้ได้ก่อนว่า มีวิญญาณมาหา เออ…โชคดีจริงๆ วันนี้ผมจะลองนอนสมาธิแบบเต็มใจ แผ่เมตตาจิตให้วิญญาณดวงนี้ โดยผมจะใช้คำบริกรรมวิธีใหม่ ผมได้ท่องข้อความว่า
“ ผม นายพลศักดิ์ วังวิวัฒน์ ผมขอแผ่เมตตาและอุทิศกุศล อันเกิดจาก
จากการนอนสมาธิครั้งนี้ ให้ดวงวิญญาณที่พยายามจะติดต่อกับผม ”
จำได้ว่า ผมท่องบทนี้ไปประมาณ 20 เที่ยว ผมคิดว่าเวลาและจำนวนครั้ง ที่ใช้ในการแผ่เมตตาครั้งนี้ น่าจะพอแล้ว การที่ผมไม่ได้นั่งทำสมาธิตามลงไปเหมือนวิธีเดิม เพราะผมเชื่อว่า ประโยคที่ท่องออกไป ทำให้ผมเกิดสมาธิและกุศลจิตพอ และผมก็ได้อุทิศกุศลนั้นให้วิญญาณดวงนี้แล้ว ผมบอกดวงวิญญาณดวงนี้ว่า ถ้าเขาได้รับกุศลจากการแผ่เมตตาของผมแล้ว เขาก็ไม่จำเป็นต้องมาหาเพื่อขอบคุณผม ให้เขาไปได้เลย
ก่อนผมจะนอนหลับในคืนนั้น ผมพยายามทำตัวให้อยู่ในสภาพครึ่งหลับครึ่งตื่นนานพอควร แต่วิญญาณดวงนี้ไม่ได้เข้ามาอำผม แสดงว่า การแผ่เมตตาและอุทิศกุศลโดยวิธีนอนหรือวิธีนั่ง ไม่ว่าจะเป็นวิธีการใดก็ตาม วิญญาณก็ได้รับกุศลเช่นกัน ความสำคัญมันอยู่ที่ใจหรือเจตนาของผู้แผ่เมตตา ใจต้องไม่กลัวผี และมีความรักความเมตตาอยู่ในใจ พร้อมที่จะให้กุศลและเมตตากับดวงวิญญาณดวงนั้นจริงๆ

ความคิดเห็น