5-2 วิญญาณ 2 หรือ 3 แม่ลูกที่จมน้ำตายกันแน่
เรื่องนี้เกิดขึ้นก่อนเหตุการณ์สึนามิ
คือราวเดือนกรกฎาคม 2547 วันนั้นเป็นวันเสาร์
ซึ่งผมจะไปดูหนังเป็นประจำ ในช่วงที่กำลังรอหนังฉายนั้น ผมได้อ่านหนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่ง
หนังสือพิมพ์ฉบับนั้น ลงข่าวของหญิง 2 คนจมน้ำตายที่กำแพงเพชร
ทั้ง 2 คนเป็นแม่ลูกกัน ลูกเป็นเด็กผู้หญิงอายุ 8 ขวบ ชื่อเด็กหญิงพิณผกา ผู้เป็นแม่ชื่อคุณสายบัว หนูพิณผกาได้ลื่นตกน้ำ คุณสายบัวจึงพยายามช่วยเหลือลูก
แต่ก็ช่วยไม่ได้ ด้วยความรักและความสงสารลูก เลยลงน้ำไปช่วย ลูกว่ายน้ำไม่เป็น คุณแม่ซึ่งท้องแก่ก็ว่ายน้ำไม่เป็นเหมือนกัน
ผลเลยทำให้ทั้ง 3 คนแม่ลูกจมน้ำตาย ไม่ใช่ 2 คนตามที่เป็นข่าว เมื่อผมอ่านข่าวนี้แล้ว ผมก็สลด แม้ว่าพวกเขาตายไปแล้ว แต่ผมคิดว่า
วิญญาณของพวกเขายังไม่ได้ไปเกิด คงต้องวนเวียนอยู่ในภูมิใกล้ๆโลกสักระยะหนึ่ง แล้วผมก็ไม่ทราบว่าทางบ้านของเขาจัดการเผาศพ
และอุทิศส่วนบุญส่วนกุศลให้คนตายแบบถูกต้องหรือไม่เพื่อให้แน่ใจว่า วิญญาณทั้ง
3 แม่ลูก จะได้รับกุศลผลบุญอย่างแน่นอน งานนี้ผมเลยจำเป็นต้องสาระแน
เข้าไปหาเรื่องแผ่เมตตา และอุทิศกุศลให้ดวงวิญญาณทั้ง 3 ดวงโดยไม่มีใครเชิญ
วิญญาณคนแม่ถือว่าตายทั้งกลม
ส่วนวิญญาณลูกถือว่าตายเป็นผีน้ำหรือพรายน้ำ และอาจจะต้องนำวิญญาณดวงอื่นที่ดวงตก มาเฝ้าหนองน้ำนั้นแทนตนเอง
ถ้าผมช่วยเหลือพวกเขาก็เท่ากับผมช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ท่านอื่นด้วย อีกอย่างหนึ่งผมก็จะได้ความรู้เพิ่มขึ้นจากการช่วยเหลือทั้ง 3
แม่ลูก เพราะในอดีตผมไม่เคยแผ่เมตตาให้วิญญาณ ที่อยู่ไกลเกินกรุงเทพเลยผมจึงไม่รู้ว่าวิญญาณเคลื่อนที่ได้เร็วเพียงใด
ระยะทางจากกรุงเทพถึงกำแพงเพชร
ก็ไม่ถือว่าใกล้ ถ้าวิญญาณเคลื่อนที่ได้เร็วแบบคิด
ปุ๊บถึงปั๊บเหมือนที่หลายคนเชื่อ ในอนาคต
ถ้าผมจะแผ่เมตตาให้วิญญาณดวงอื่นอีก ผมจะได้ไม่ต้องไปวิตก เรื่องปัญหาการเดินทางมารับกุศลและเมตตาของดวงวิญญาณ
เมื่อผมกลับมาถึงบ้าน ผมลองเรียกวิญญาณ 3
แม่ลูกนี้มาหา เพื่อจะได้แผ่เมตตาและอุทิศกุศลให้เขา ตอนนั้นในใจของผม
ผมคิดว่า ถ้าวิญญาณพวกเขาต้องขึ้นรถไฟหรือรถทัวร์เข้ามาหาผมที่กรุงเทพ ครั้งต่อไปผมจะพยายามหลีกเลี่ยง
ไม่ขอยื่นมือเข้าไปให้การช่วยเหลือวิญญาณที่อยู่ไกลเกินกรุงเทพอีก
คืนนั้น… มีวิญญาณของหญิงท้องแก่รายหนึ่ง
มานั่งทับอยู่ตรงซี่โครงบางส่วนของผม ทำให้วิญญาณของผม รู้สึกหนักและปวดซี่โครงนิดหน่อย
ผมไม่โกรธคุณสายบัวหรอก ที่ทำให้วิญญาณของผมเจ็บ เพราะคุณสายบัวแกจำเป็นต้องแสดงตัวเอง
เพื่อให้ผมรับรู้ว่าเป็นเธอ ไม่ใช่วิญญาณผู้หญิงรายอื่น วิธีดีที่สุดก็คือ ใช้ความหนักของท้องส่งสัญญาณให้ผมรู้
เพราะท้องของหญิงท้องแก่มันฟ้อง
ก่อนผมจะรีบลุกขึ้นเข้าสมาธิ
และแผ่เมตตาให้ทั้ง 3 แม่ลูก ใจผมอดสงสัยไม่ได้ว่า
อาจจะมีดวงวิญญาณพี่เลี้ยงบางดวง คอยชี้แนะให้คุณสายบัวใช้วิธีนี้เพื่อสื่อให้ผมรู้
หลังจากนั้น ผมก็เริ่มแผ่เมตตาให้พวกเขา ผมจำได้ว่าแผ่เมตตาไป 2 วัน วิญญาณทั้ง 3 ก็ไป ก่อนไปวิญญาณของเด็กหญิงพิณผกาได้ส่งกระแสจิตมาหาผม
โดยการตะโกนว่า
“ไปแล้วนะ ไม่กลับมาแล้วนะ” หลังจากนั้นก็หัวเราะแบบเด็กอย่างสนุก
การตะโกนส่งกระแสจิตของหนูพิณผกา
ทำให้ผมสะดุ้งตื่นตอนเช้า ตอนนี้ผมมั่นใจมากกว่าเดิมว่า ต้องมีวิญญาณผู้ช่วยบางดวงในโลกวิญญาณ
ที่บอกวิธีการสื่อสารต่างๆให้วิญญาณ 3 แม่ลูกนี้
เพราะไม่มีทางที่วิญญาณเด็กที่เพิ่งตายมาไม่กี่วัน จะรู้ว่าการตะโกนเป็นการส่งกระแสจิตแบบหนึ่ง
ขนาดตัวผมเองยังไม่รู้เลย
เมื่อวิญญาณคุณสายบัวและหนูพิณผกาไปแล้ว
ผมมารู้ในภายหลังว่า วิญญาณแม่และ/หรือลูกในท้องได้ไปเกิด
หรือไปอยู่ในภพภูมิอื่นแล้ว ส่วนวิญญาณเด็กหญิงพิณผกายังไม่ได้ไปเกิด หรือไปอยู่ในภพภูมิอื่น
เพราะเมื่อผ่านไปได้ 3 วัน วิญญาณของหนูพิณผกาได้กลับมาหาผมใหม่
คราวนี้มาคนเดียว ไม่มีแม่และน้องในท้องแม่มาด้วยด้วย
สัญชาติญาณ ผมมั่นใจว่า แม่ผู้เสียสละชีวิตลงไปช่วยลูกในน้ำ
ทั้งๆที่ท้องแก่และว่ายน้ำไม่เป็น ไม่มีทางทิ้งลูกแน่นอน นอกเสียจากว่า จะถูกอำนาจเบื้องบน
บังคับให้ต้องไปเกิดใหม่ หรือไปอยู่ในภพภูมิอื่น โดยวิญญาณของผู้เป็นแม่ขัดขืนไม่ได้
ส่วนหนูพิณผกาคงยังมีกุศลไม่พอ ที่จะตามแม่ไปเกิด ผู้เป็นแม่คงสั่งเสียผู้เป็นลูกก่อนไป
ให้กลับมาขอความช่วยเหลือจากผมอีกครั้ง ดังนั้น ผมจึงน่าจะเป็นความหวังเดียวของเด็กน้อยผู้น่าสงสารรายนี้
แล้วผมก็ไม่ใจดำ ถึงขนาดไม่ยอมยื่นมือช่วยเด็กน้อยผู้นี้หรอก
ผมตัดสินใจจะแผ่เมตตา ให้หนูน้อยคนนี้ต่อไปเรื่อยๆโดยไม่มีกำหนด
โชคดีสวรรค์ยังมีเมตตา ผมจำได้ว่าใช้เวลาอีก 3 วันรวม
7 ครั้ง ช่วยแผ่เมตตาให้หนูพิณผกา จนกระทั่งดวงวิญญาณของเด็กจากไป ก่อนที่เด็กคนนี้จะไป
เขามาเขย่ามือขวาผมแบบสั่งเสีย ผมเลยต้องตื่นขึ้นแต่เช้ามืด
ผมเคยบอกท่านผู้อ่านแล้วว่า
ผมเลิกกลัวผีมานานแล้ว 100 ครั้งจะกลัวก็แค่ไม่กี่ครั้ง
แต่ผมไม่ชอบให้วิญญาณดวงไหนมาหา หรือมาขอบคุณผม เพราะร่างกายและวิญญาณของผมจะตื่นขึ้น
เมื่อตื่นแล้ว กว่าผมจะนอนหลับได้อีกครั้ง ก็นานมากๆ
เมื่อหนูพิณผกาสัมผัสผมครั้งสุดท้าย
ผมรับรู้ว่า สภาพวิญญาณของหนูพิณผกา ตอนนี้ดีกว่าเมื่อ 3
วันก่อนอย่างมาก ผมประเมินจากรัศมีความสุขที่ออกมาจากตัวหนูพิณผกา หนูคนนี้
น่าจะได้เปลี่ยนภูมิอยู่จากชั้น 0/-2 ซึ่งเป็นภพภูมิของสัมภเวสีที่อดอยาก
ไปอยู่ในสวรรค์ชั้น 1 ภูมิที่ 1 หรือภูมิที่
2 (จากทั้งหมด 4 ภูมิ ) ซึ่งเป็นภพภูมิของวิญญาณที่มีผลบุญปานกลาง
มีกินมีใช้ไม่อดอยากแต่อย่างใด และคราวนี้ หนูน้อยพิณผกาคงได้ไปเกิดเป็นมนุษย์เสียที
แต่ผมอาจจะเข้าใจผิดก็ได้ เพราะหลังจากหนูพิณผกาไปแล้ว 2
วันต่อมา ก็มีวิญญาณของเทพดวงหนึ่งมาหาผม เทพองค์นี้น่าจะอยู่ในสวรรค์ชั้น
2 เขามาอวยพรให้ผม โดยไม่ได้บอกสาเหตุว่าเรื่องอะไร ในใจของผมมีความรู้สึกว่า
เด็กหญิงพิณผกาถูกนำไปฝากให้เทพองค์นี้เลี้ยง เพราะยังไม่ถึงคิวจะไปเกิดใหม่
ทุกครั้งที่ผมรู้สึกจะกลัวผี ผมจะนึกถึงภาพดวงวิญญาณของหนูพิณผกา ที่ผมสัมผัสได้
ผมจะซาบซึ้งใจในความเมตตาของตัวเอง ที่พยายามช่วยเหลือวิญญาณเด็กผู้หญิงดวงนี้อย่างเต็มที่
โดยไม่หวังผลสิ่งใดตอบแทนเลย ความรู้สึกกลัวผีใดๆ ในใจผม จะสลายไปหมดทันทีเหลือแต่ความรู้สึกเมตตาสงสาร
และความเต็มใจช่วยเหลือผู้อื่น เข้ามาอยู่ในใจผมแทน
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น