A A

2-5 ผู้ได้ชัยชนะในเกมส์อัตตา-อนัตตา

ตอนนี้พระเจ้าแท้จริงก็ได้จัดทุกสิ่งทุกอย่างลงตัวหมดแล้ว สรรพสิ่งที่ไม่มีอยู่ ได้กลับมีสภาพเสมือนมีอยู่จริง อนัตตาได้มีสภาพเหมือนเป็นอัตตาเต็มตัว และก็มีสิ่งลวงและกับดักและกฎกติกาการเล่นอยู่พร้อมสรรพ นอกจากนี้พระเจ้าแท้จริง ก็ยังทิ้งร่องรอยและหลักฐานเอาไว้ด้วย คือพระองค์ได้กำหนดให้ ทุกสรรพสิ่งเสื่อมสลายไปตามกาลเวลา ทั้งนี้เพื่อให้มนุษย์เริ่มสืบค้นความจริงเรื่องเกมส์อัตตาแท้จริงเป็นอนัตตา ได้จากหลักฐานชิ้นแรกนี้
มนุษย์ผู้หลุดพ้น หรือที่รู้ความจริงทั้งในทางทฤษฎีและทางปฏิบัติว่า ทุกอย่างเป็นอนัตตา และไม่มีกิเลสตัณหาและอุปทานเหลืออยู่ เรียกว่า “พระอรหันต์” พระอรหันต์เป็นผู้ที่พร้อมจะถอดเปลือกนอก ที่เป็นร่างกายและวิญญาณออกไปเมื่อตายลง เพื่อเข้าสู่นิพพาน คือไปเป็นพระเจ้าแท้จริง และรวมเป็นหนึ่งเดียวกับพระเจ้าแท้จริง ( คือเป็นจิตบริสุทธิ์ที่อยู่ในภาวะนิพพาน ) ซึ่งถือว่ามนุษย์ท่านนี้ชนะเกมส์อัตตา-อนัตตา
แต่ถ้าท่านไม่ยอมถอดเปลือกที่เป็นวิญญาณออก แม้ว่าท่านจะตายไปแล้ว แต่อยู่ในภาวะที่พร้อมจะเข้านิพพานได้ทุกเมื่อ ท่านผู้นั้นก็จะเป็นพระวิญญาณสุดบริสุทธิ์อยู่เช่นนี้ไปเรื่อยๆ แต่สถานะของท่านจะเปลี่ยนไปโดยปริยาย จากผู้เล่นกลายเป็นผู้สั่งสอนทางให้มนุษย์และสรรพวิญญาณทั้งปวง ไม่ให้ยึดมั่นถือมั่นในตัวตนของตนเอง และให้ละกิเลส ตัณหาและอุปทานให้ได้ ซึ่งเป็นทางเดียวที่จะไปเป็นพระเจ้าแท้จริง และรวมเป็นหนึ่งเดียวกับพระเจ้าที่แท้จริง ท่านเป็นผู้รู้ความจริงเรื่องเกมส์อัตตา-อนัตตา และรู้คำเฉลยการออกจากเกมส์แล้ว บางท่านเรียกพระวิญญาณสุดบริสุทธิ์เหล่านี้ว่า พระโพธิสัตว์ แต่จริงๆแล้ว ควรจะเรียกพระมหาโพธิสัตว์จะเหมาะสมกว่า ดังเช่น พระมหาโพธิสัตว์กวนอิม เป็นต้น เจ้าแม่กวนอิมท่านบรรลุอรหัตผล ตรัสรู้สัมโพธิญาณ พร้อมจะกลับเข้าไปเป็นพระเจ้าแท้จริง หรือรวมเป็นหนึ่งเดียวกับองค์พระผู้เป็นเจ้าแท้จริง แต่ท่านตั้งปณิธานอันแรงกล้าว่า จะไม่ยอมเข้านิพพานเด็ดขาด จนกว่าจะช่วยมนุษย์และสรรพสัตว์ให้เข้านิพพานได้หมด
เป็นสิ่งที่น่ารู้ว่า สุดท้ายแล้ว พระเจ้าฝ่ายขาวหรือเจ้าแม่กวนอิม ใครจะเข้านิพพานก่อนกัน เผลอๆ พวกท่านจะเข้านิพพานไม่ได้เสียด้วย อย่าลืมว่าพญามารนั้นต่อต้านพระเจ้าแท้จริงถึงที่สุด แล้วพญามารก็เป็นสุดยอดแห่งการหลอกลวงจิตและวิญญาณ จึงเป็นไปไม่ได้ว่า จิตหรือวิญญาณ ที่เต็มไปด้วยความยึดมั่น และไม่ยอมเปลี่ยนแปลงเช่นนี้ จะยอมเข้านิพพานท้ายที่สุด จะพลอยดึงจิตของพระเจ้าฝ่ายขาวและเจ้าแม่กวนอิม ให้เข้านิพพานไม่ได้ด้วย
มนุษย์ เมื่อเริ่มเล่นเกมส์แล้ว วิญญาณ(และจิต)บางส่วนก็เจอทางกลับไปหาพระเจ้าได้
ช้า บางส่วนยังหลงทางอยู่ ไม่เจอทางกลับไปหาพระเจ้า แต่บางส่วนก็เจอทางกับไปหาพระองค์ได้เร็ว
จักรวาลและโลกนี้ เกิดแล้วดับมาหลายครั้งแล้ว ครั้งแรกมนุษย์ผู้มีนามว่าพระวิปัสสี เป็นผู้ชนะเลิศคนแรกในเกมส์ ท่านได้ไขความลับของเกมส์อัตตาเป็นอนัตตาได้สำเร็จ ได้กลับไปหาและกลับไปเป็นพระเจ้าแท้จริงตามเดิม ผู้คนในยุคนั้นขนานนามท่านว่า พระวิปัสสีพุทธเจ้า
ดังนั้น คำว่าพระพุทธเจ้า จึงมีความหมายว่า มนุษย์ผู้ตรัสรู้ธรรมะสูงสุดด้วยตนเองพระองค์ได้หลุดพ้น และได้เป็นพระอรหันต์แล้ว แต่พระองค์ยังได้เที่ยวสอน และบอกทางไปเป็นพระอรหันต์ ให้ผู้คนทั่วไปรับรู้ด้วย เมื่อพระองค์นิพพานไป พระองค์ได้กลับกลายเป็นพระเจ้าแท้จริง หรือเป็นส่วนหนึ่งของพระเจ้าแท้จริง ( เป็นจิตบริสุทธิ์อยู่ในนิพพาน )
ดังได้กล่าวมาแล้วว่า จักรวาลนี้ได้เกิดแล้วดับ ดับแล้วเกิดอีก เป็นเวลาหลายครั้งแล้ว ในช่วงเวลานั้น มีพระพุทธเจ้ามาแล้วรวม 7 พระองค์ใน 32 กัปป์ มนุษย์คนสุดท้ายที่ไขความลับเรื่องเกมส์อัตตา-อนัตตาของพระเจ้าแท้จริงได้ในกัลป์ปัจจุบันคือ โคตมะพระพุทธเจ้า หรือพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระพุทธองค์ได้กลับกลายเป็นพระเจ้าแท้จริง และส่วนหนึ่งของพระเจ้าแท้จริงแล้ว อย่างไรก็ตาม สานุศิษย์บางส่วนของพระพุทธองค์ยังคงหลงทางอยู่ ไม่สามารถตีความความลับที่พระพุทธองค์ทิ้งไว้ออกว่า นิพพานคือ การเข้าไปรวมเป็นหนึ่งเดียวกับองค์พระผู้เป็นเจ้าแท้จริง และกลับกลายเป็นจิตเดียวกับพระเจ้าแท้จริง ทั้งๆที่พระพุทธองค์ได้ทรงตรัสเปิดเผยความลับนี้ออกมาอย่างชัดเจน
ในความเป็นจริง ถ้ามนุษย์ไม่ยึดติดความคิดความเห็นของตนเองอย่างเหนียวแน่น และไม่แบ่งแยกทางศาสนา พวกเขาจะพบทางกลับไปหาพระเจ้าแท้จริง ได้ง่ายและเร็วที่สุด เพราะพระองค์อยู่ในจิตของผู้เห็นธรรม และพระองค์ยังได้ให้เหล่าพระวิญญาณบริสุทธิ์ คอยชี้นำอยู่ในทุกศาสนา รวมทั้งอยู่ในศาสตร์ที่มนุษย์ถือว่าพัฒนาสูงสุด คือ วิทยาศาสตร์ควอนตั้มฟิสิกส์ด้วยขอเพียงมนุษย์รวมกลุ่มกันค่อยๆสืบเอาร่องรอยต่างๆ รวมทั้งศึกษาหาความรู้ทางวิทยาศาสตร์ไปเรื่อยๆ เชื่อว่า คงหาทางกลับเข้าไปรวมกับพระเจ้าแท้จริงได้ในไม่ช้า แต่เมื่อมนุษย์พยายามแยกฝ่ายและแยกพวกกัน ทำให้พวกเขาหาทางกลับไปหาพระเจ้าแท้จริงไม่เจอ
พระเจ้าฝ่ายอัตตาได้รับสิทธิในทำลายสนามลวงตาทิ้ง ถ้ามนุษย์ไม่พบทางกลับไปหาพระเจ้าแท้จริงอีก สิ่งที่น่ากลัวที่สุดในตำนานหรือนิยายเรื่องนี้ ก็คือตอนจบ เพราะว่ารางวัลและการ
ลงโทษ ที่พระเจ้าแท้จริงให้พระเจ้าฝ่ายอัตตาและพระเจ้าฝ่ายดำ ร่วมกันดูแล แต่ยิ่งมนุษย์เจริญขึ้นเรื่อยๆ พวกเขาก็ยิ่งถอยหนีจากการทำความดี ส่วนใหญ่จะเชื่อว่าพระเจ้า(ฝ่ายอัตตา)ไม่มีจริง แล้วจะไปเชื่อว่า พระเจ้าแท้จริงมีได้อย่างไร ยิ่งเรื่องนรก พวกเขายิ่งไม่เชื่อใหญ่
ด้วยเหตุนี้ มนุษย์บางพวกเลยหลงระเริงอยู่กับการทำความชั่วอย่างเดียว ไม่เกรงกลัวต่อบาป เพราะไม่เห็นผลกรรมจากการทำชั่วเดี๋ยวนั้น พวกเขาเห็นแต่ความสุขที่ได้รับทันทีจากการกระทำความชั่ว โดยไม่ต้องรอให้สวรรค์มาประทานรางวัลแต่อย่างใด ยิ่งเวลาผ่านไปนานเข้าๆ มนุษย์ยิ่งไม่มีทางรู้ว่าตัวเองว่า ถ้าตนเองสามารถละกิเลสตัณหาและอุปทานได้ ตนเองนั่นแหละคือพระเจ้าแท้จริง และจะได้ไปรวมกับพระองค์ ขืนพวกเขาพอกพูนความชั่วเพิ่มขึ้นไปเรื่อยๆ พวกเขาจะกลับกลายเป็นสัตว์นรกไปหมด มนุษย์พวกนี้แทนที่จะหาทางกลับไปรวมอยู่กับพระเจ้าแท้จริง หรืออย่างน้อยก็ทำความดีเพื่อขึ้นสวรรค์ก่อน พวกเขากลับไม่ยอมทำ และกำลังหลงทางอยู่คือ พวกเขากำลังหลงระเริงอยู่กับการทำความชั่ว และไม่เกรงกลัวบาปกรรม ถ้ามนุษย์เหล่านี้ยังคงหลงทางอยู่เช่นนี้หนักเข้าๆ และพระเจ้าฝ่ายขาวเห็นว่า ไม่มีมนุษย์ผู้ใดสามารถเป็นพระพรหันต์ได้อีก เพราะว่าพวกเขายังไม่มีความสามารถ แม้กระทั่งขึ้นสวรรค์เลย
ด้วยเหตุนี้ องค์พระผู้เป็นเจ้าแท้จริง พระองค์เลยให้สิทธิในการทำลายโลกนี้แก่พระเจ้าฝ่ายอัตตา ถ้าจำเป็นต้องล้มกระดานการเล่นของพระเจ้าแท้จริง ก็ล้มได้ โดยทำให้มวลสรรพสัตว์และสรรพสิ่งในโลก ตายและพังพินาศลง แล้วค่อยเริ่มเล่นเกมส์กันใหม่อีกครั้งหนึ่ง เราเรียกวันนั้นว่า “วันสิ้นโลก”
พระเจ้าแท้จริงให้สิทธิการทำลายมนุษย์กับพระเจ้าฝ่ายอัตตา เพราะมนุษย์เป็นเพียงเปลือกนอกของพระเจ้าแท้จริง ไม่ได้เป็นเนื้อแท้ของพระองค์แต่อย่างใด ในอดีตพระเจ้าฝ่ายขาวก็เคยใช้สิทธินั้น ทำลายและใช้สิทธิสร้างมนุษย์ขึ้นมาใหม่แล้ว ทั้งนี้เพื่อเล่นเกมส์ของพระเจ้าแท้จริงอีกครั้งหนึ่งเมื่อวันสิ้นโลกมาถึง ดวงวิญญาณของมนุษย์และสรรพสัตว์ที่ยังไม่ได้นิพพานจะต้องวนเวียนอยู่ในโลกวิญญาณไปเรื่อยๆ ดวงวิญญาณแต่ละดวงจะบอกขอเลิกเล่น และขอกลับเข้าไปรวมกับพระเจ้าแท้จริงอีกไม่ได้ เพราะพระองค์เป็นจิตอันสุดบริสุทธิ์ เหล่าวิญญาณที่ต้องการจะกลับเข้าไปรวม และไปเป็นพระเจ้าแท้จริง กระทำได้ด้วยวิธีเดียวเท่านั้นคือ พวกเขาต้องละวางกิเลส ตัณหา และอุปทานให้ได้ถ้าพวกเขาละวางไม่ได้ ในอนาคตเมื่อโลกใหม่ และชีวิตใหม่บังเกิดขึ้น วิญญาณเหล่านี้พวกเขาก็ต้องวนเวียนตายแล้วเกิดในร่างใหม่ๆ ไปเรื่อยๆอีก อย่าลืมว่าพระเจ้าแท้จริงเป็นอยู่อย่างเป็นสุขและรู้แจ้งชั่วนิรันดร เวลาไม่ได้มีความหมายกับพระองค์ พระองค์รอเล่นเกมส์อัตตา-อนัตตากับส่วนหนึ่งของจิตของพระองค์ ซึ่งเป็นมนุษย์และสรรพสัตว์ต่างๆได้เสมอ จะเป็นเวลานานเป็นแสนหรือเป็นล้านล้านปี หรือชั่วนิรันดร พระองค์ก็รอได้ ไม่มีปัญหาใดๆ สำหรับพระองค์เลย เพราะพระเจ้าแท้จริง พระองค์ทรงอยู่ในจักรวาลนี้ตามลำพังจนชั่ว
กัลปาวสาน
ตอนนี้พวกท่านรู้หรือยังว่า พระเจ้าแท้จริงหรือใจของจักรวาล นอกจากเป็นจิตที่
บริสุทธิ์แล้ว พระองค์ยังเป็น “มโนธาตุหรือใจที่รู้แจ้งด้วย” หรือถ้าจะพูดอีกนัยหนึ่ง องค์พระผู้เป็นเจ้าแท้จริงก็คือ “ธรรมชาติที่รู้แจ้ง” นั่นเอง พูดในแบบชาวพุทธ พระเจ้าแท้จริงก็คือพุทธะนั่นเอง
นักวิทยาศาสตร์หาความจริงของจักรวาลจากภายนอก ผมเชื่อว่า สุดท้ายพวกเขาอาจจะพบว่า ความจริง ใจของจักรวาลหรือใจของพระเจ้าแท้จริง ทั้งหมดอาจจะอยู่ในใจของสรรพจิตทั้งหลาย แต่ตอนนี้ใจเหล่านี้ยังไม่บริสุทธิ์พอ ที่จะรู้แจ้งความจริงของจักรวาลส่วนสรรพสิ่งทั้งปวงในจักรวาล อาจจะเป็นกายของพระเจ้า หรือควาร์ค หรือจะเรียกว่า กายธรรมชาติก็ได้ เมื่อถึงเวลานั้น ตำนานหรือนิยายของผมอาจจะไม่ใช่ตำนานหรือนิยายอีกต่อไป แต่อาจจะเป็นข้อเท็จจริงส่วนหนึ่งของจักรวาลนี้ก็ได้

ความคิดเห็น