2-2 พระเจ้าแท้จริงแบ่งฝ่าย ก่อนเริ่มเล่นเกมส์ปริศนา
พระเจ้าแท้จริง เมื่อพระองค์ได้สร้างจักรวาลและสรรพสิ่งทั้งมวล
ขึ้นมาเป็นสนามในการเล่นเกมส์ของพระองค์แล้ว พระองค์ก็ได้สร้างกาลเวลาขึ้นมาด้วย พร้อมๆกับจักรวาล
โดยพระองค์กำหนดให้สรรพสิ่งในจักรวาล เสื่อมสลายไปตามกาลเวลา
อย่างไรก็ตาม พระองค์ก็ยังติดปัญหาของเกมส์อยู่
เพราะว่าพระองค์ซึ่งเป็นพระเจ้าแท้จริง พระองค์ทรงเป็นสัพพัญญู พระองค์ทรงรู้ทุกอย่างและทุกเรื่อง
แล้วพระองค์ต้องเล่นเกมส์นี้กับตัวเอง มันจะไปสนุกตรงไหน พระองค์ทรงคิดว่า ถ้าจะให้สนุก
พระองค์จำเป็นต้องปิดบังความลับของเกมส์นี้เอาไว้มิให้ส่วนหนึ่งของพระองค์รู้ความจริง
ด้วยเหตุนี้ พระองค์จึงสร้างเหล่าวิญญาณขึ้นมา เพื่อห่อหุ้มจิตหรือใจส่วนใหญ่ของพระองค์เอาไว้
หลังจากนั้นพระองค์ก็ทำการแบ่งวิญญาณทั้งหมด ออกเป็น 4
กลุ่ม
วิญญาณกลุ่มที่ 1 คือ ตัวผู้เล่น พระองค์ไม่ให้รู้ความจริงอะไรเลย นอกจากนี้
พระองค์ยังรับสั่งให้พวกเขาลืมทุกสิ่งทุกอย่างด้วย พวกเขาจึงจำไม่ได้เลยว่า ตัวของพวกเขาเป็นส่วนหนึ่งของพระเจ้าแท้จริง
วิญญาณผู้เล่นกลุ่มนี้ จะต้องเล่นเกมส์ปริศนากับพระองค์ไปเรื่อยๆ จนกว่าจะรู้และปฎิบัติได้จริง
โดยทำให้วิญญาณตัวเองบริสุทธิ์ จนถึงขั้นไม่มีกิเลสตัณหา และอุปทานเหลืออยู่เลย ตัวเขาจึงจะได้กลับเป็นพระเจ้าแท้จริง
และกลับเข้าไปรวมเป็นส่วนหนึ่งของพระเจ้าแท้จริงอีกครั้งหนึ่ง
วิญญาณกลุ่มที่สอง มีชื่อว่า “พระวิญญาณบริสุทธิ์” หรือ “พระเจ้าฝ่ายขาว” หรือ
“พระเจ้าของอัตตา” พระวิญญาณบริสุทธิ์จะรู้ความลับบางส่วนของจักรวาล
ความบริสุทธิ์ของพระเจ้าฝ่ายขาว ยิ่งบริสุทธิ์มากขึ้นเท่าไร ก็ยิ่งรู้ความลับของจักรวาลมากขึ้นเท่านั้นวิญญาณใดฝึกจิตได้ถึงขั้น
ใจมีแต่เมตตา กรุณา มุทิตา และอุเบกขา จิตนั้นก็เข้าขั้นจิตของพระเจ้าฝ่ายขาว หรือพระเจ้าของอัตตา
ที่เรียกว่า “จิตของรูปพรหม” แต่เดิมพระเจ้าฝ่ายขาวก็เป็นผู้เล่น ที่ถูกพระเจ้าแท้จริงสั่งให้ลืมทุกสิ่ง
ท่านเลยตกภูมิลงมา จากภพภูมิแห่งนิพพาน กลายมาอยู่ภพภูมิแห่งรูปพรหม หลังจากนั้นท่านก็ได้ฝึกจิตของตนเอง
ให้มีแต่เมตตากรุณา มุทิตา และอุเบกขา ทำให้จิตของท่านสามารถดำรงอยู่ได้ในภพภูมิของชั้นรูปพรหมนี้เรื่อยมา
ความเมตตากรุณาของพระเจ้าฝ่ายขาวนั้น
ถือเป็นสุดยอดแห่งความเมตตากรุณาเพราะสุดท้าย ท่านได้รู้ความลับของเกมส์อัตตา-อนัตตาของพระเจ้าแท้จริง และท่านจะทำจิตของท่านให้หลุดพ้นไปรวมเป็นหนึ่งเดียวกับพระเจ้าจริงเมื่อไร
ท่านก็ทำได้ แต่ท่านกลับไม่ทำ เพราะท่านเห็นว่า การทำจิตให้ถึงขั้นนั้น เป็นสิ่งที่ไปถึงได้ยากมากๆๆๆๆๆๆๆๆ
สำหรับสรรพวิญญาณทั้งหมด ท่านจึงยอมเสียสละตนเอง ขอดำรงตนอยู่ในชั้นรูปพรหมนี้เป็นเวลานานโดยไม่มีกำหนด
พูดง่ายๆ ท่านขอเป็นจิตสุดท้าย ที่จะไปรวมเป็นหนึ่งเดียวกับพระเจ้าแท้จริง
พระเจ้าฝ่ายขาวจะทำหน้าที่ เป็นผู้สอนและชี้แนะให้วิญญาณกลุ่มแรก
ซึ่งเป็นผู้เล่น ให้
ทำแต่ความดีและทำแต่บุญกุศล
วิญญาณกลุ่มที่สาม ทำหน้าที่ตรงกันข้ามกับวิญญาณกลุ่มทื่ 2 วิญญาณกลุ่มนี้เรียกว่า พระเจ้าฝ่ายดำ พระเจ้าฝ่ายดำเป็นวิญญาณที่ต่อต้านพระเจ้าที่แท้จริงและพระเจ้าฝ่ายขาว
วิญญาณกลุ่มนี้บางท่านเรียกว่า “มาร” วิญญาณชั้นหัวหน้าสูงสุดเรียกว่า
“พญามาร”หรือ “ซาตาน” พญามารจะคอยทำหน้าที่เอากิเลสตัณหาและการยึดมั่นต่างๆ
มาล่อหลอก ล่อผู้เล่นกลุ่มแรกให้หลงทาง ทำแต่ในสิ่งที่เป็นบาปและอกุศล โดยจิตของพระเจ้าฝ่ายดำ
จะทำหน้าที่สอนผู้เล่นต่างๆทางจิต เพื่อให้กระทำแต่สิ่งที่เป็นอกุศล ความจริงพระเจ้าฝ่ายขาวและพระเจ้าฝ่ายดำ
ทั้ง 2
ฝ่ายก็เป็นพญามารทั้งคู่ เพราะทำหน้าที่บอกทางผิดให้เหล่าวิญญาณในกลุ่มแรก
ไม่ให้รู้ทางกลับเข้าไปเป็นและรวมเป็นหนึ่งเดียวกับองค์พระผู้เป็นเจ้าแท้จริง
กลุ่มที่ 4 และเป็นกลุ่มสุดท้าย กลุ่มนี้เป็นจิตของพระเจ้าแท้จริง พระองค์จะมีวิญญาณห่อหุ้มหรือไม่ก็ได้ จิตของพระเจ้าแท้จริงสามารถสื่อสารกับจิตของเหล่าผู้เล่นได้โดยตรง
และทำหน้าที่ชี้นำจิตของผู้เล่น ให้รู้ทางกลับเข้าไปเป็น และรวมเป็นหนึ่งเดียวกับองค์พระผู้เป็นเจ้าแท้จริง
อย่างไรก็ดี จิตของพระเจ้าแท้จริง จะอยู่แต่ในจิตของผู้มีแววเห็นความจริงขั้นปรมัตถ์สัจจะ(หรือขั้นโลกุตรธรรม) เราเรียกจิตของพระเจ้าแท้จริงนี้ว่า
“ พระจิต หรือพระธรรม ” จิตของพระเจ้าฝ่ายขาว
พระเจ้าฝ่ายดำ และจิตของพระเจ้าแท้จริงหรือพระธรรม ทั้งหมดจะเป็นผู้ชี้ทางให้กับเหล่าผู้เล่นทางจิตหรือใจ
เพื่อจะโน้มน้าวให้ผู้เล่นเหล่านั้น เดินไปตามทางที่พระเจ้าเหล่านี้ชี้บอกทางจิต แต่บรรดาพระเจ้าจะไปบังคับเหล่าผู้เล่นไม่ได้
สิทธิในการเดินหมากทางจิตและวิญญาณ จะเป็นของเหล่าผู้เล่นแต่ละคนเองว่า พวกเขาจะตัดสินใจเดินไปทางไหนดี
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น