1-4 ทำไมฟ้าจึงเปิดเผยความลับยิ่งใหญ่บางส่วนให้ผมรู้
ตำนานหรือนิยายที่ผมเขียน
ผมมีความรู้สึกว่า มันอาจจะเป็นข้อเท็จจริงในจักรวาลก็ได้ หรืออย่างน้อยที่สุด ส่วนหนึ่งของเรื่องทั้งหมด
มันต้องเป็นความลับของฟ้าที่ปกปิดไว้มานานแสนนาน เป็นไปได้ว่า ผมอาจจะเป็นสามัญชนคนธรรมดาคนเดียวในยุควิทยาศาสตร์ควอนตั้มฟิสิกส์
ที่เป็นผู้ชนะแจ็คพอตเกี่ยวกับพระนิพพาน ฟ้าจึงเปิดเผยความลับนี้ออกมาให้ผมรู้ องค์พระผู้เป็นเจ้าแท้จริง ซึ่งภาคหนึ่งของพระองค์ก็คือองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ท่านอาจจะรอผมมา
2548 ปีแล้ว ถึงเวลาสักที ที่มนุษย์จะรู้ความจริงเรื่องพระเจ้าแท้จริงและพระนิพพาน
จำได้ไหมว่า
ผมได้ยืนยันกับท่านผู้อ่านในหนังสือเล่มแรกว่า ผมได้ผ่านเข้าไปในประตูนิพพานมาแล้ว
อันนี้เป็นเรื่องจริง ไม่ได้เป็นการอุตริมนุสธรรมแต่อย่างใด ผมยืนยันว่า ผมเป็นมนุษย์ธรรมดาสามัญคนหนึ่ง
มีความสามารถในการทำสมาธิปานกลาง ความสามารถในการทำวิปัสสนาก็มีเพียงเล็กน้อย แต่ผมดันทะลึ่งทะลวงเข้าไปในประตูนิพพาน
ซึ่งเป็นประตูของพระอริยบุคคลชั้นพระอรหันต์ อย่างไรก็ตาม ผมเข้าไปได้แค่ 3-5 นาที
จากการละ สละ และอุทิศผลบุญทั้งหมดให้บรรดาพ่อแม่ ญาติพี่น้อง มิตรสหายและศัตรูทุกคน
การสละและละเช่นนี้ ทั้งๆที่ผมเจอทั้งผีและเทพมามาก ผมรู้ความจริงว่า สวรรค์นรกมี 100%
แต่ผมยังกล้าสละและละทิ้งสวรรค์ ด้วยเหตุนี้ประตูแห่งนิพพานจึงเปิดออกรับผมชั่วคราว
พระผู้เป็นเจ้าแท้จริง
ซึ่งเป็นจิตบริสุทธิ์และเป็นจิตที่รู้แจ้ง(สัพพัญญู) อาจตั้งกฎเอาไว้ว่า ผู้ที่เข้าไปในภาวะนิพพานได้
ท่านจะเปิดเผยความจริงแห่งจักรวาลให้รู้ โดยพระเจ้าแท้จริงไม่ได้กำหนดว่า ต้องเข้าไปอยู่ในภาวะนิพพานได้นานเท่าไร
ด้วยเหตุนี้พระองค์ท่านจึงจำเป็นต้องเปิดเผยความลับของฟ้าเรื่องนี้ให้ผมรู้ ท่านผู้อ่านที่ทำสมาธิและทำวิปัสสนาหลายท่าน มาบ่นกับผมว่า พวกเขาฝึกมานานพอสมควรแล้ว
แต่ยังไม่เคยพบนิพพานเลย ผมถามเขาว่า เขาต้องการพบนิพพานหรือ ง่ายนิดเดียว เขารู้ไหม
การที่เขาทำสมาธิและทำวิปัสสนา รวมทั้งการทำบุญใดๆล้วนแต่มีกุศลผลบุญเกิดขึ้นทั้งนั้น
ใช่ไหม? พวกเขาบอกว่า “ ใช่ ” ผมเลยบอกเขาไปว่า “ ให้ยกให้คนอื่นไปทั้งหมดเลย
” ท่านผู้หนึ่งตอบว่า “ ผลบุญยกให้กันไม่ได้ ” อีกท่านหนึ่งตอบว่า “ เขายกผลบุญให้คนอื่นไม่ได้
” ถ้าท่านเชื่อว่า ผลบุญทั้งหมดยกให้กันไม่ได้ และก็ไม่เต็มใจละทิ้งผลบุญทั้งหมดด้วยท่านก็ไม่มีทางได้สัมผัสนิพพาน
ผมนั่งสมาธิอยู่ในภาวะนิพพานได้เพียง 3-5 นาที เพราะผมเต็มใจยกผลบุญให้จริงๆ ในเวลานั้น
แล้วผมก็ให้ทั้งหมดด้วย ใครมาคืนผม ผมก็ไม่รับ ถือว่าให้แล้วให้เลยอย่างไรก็ตาม เวลาผ่านไปได้แค่
5 นาที ผมดันไปนึกเสียดายผลบุญเหล่านั้น เกรงว่ามันจะหายไปจริงๆ แล้วที่ผมอุตส่าห์ทำความดีมามาก
แต่ก็ทำบาปมาไม่น้อยเหมือนกัน ตอนนี้เกิดจู่ๆ ผมตายลงอย่างกะทันหัน ในขณะที่ผลบุญไม่เหลืออยู่แล้ว
เพราะให้คนอื่นไปหมด มันก็ซวยน่ะซิ เพราะมันเหลืออยู่แต่บาปและอกุศล ความคิดเช่นนี้
แค่กลับมาในหัวผม
เพียงแว๊ปเดียว ภาวะนิพพานที่ผมสัมผัสได้
ก็มีอันสลายหายไปทันที และมันก็ไม่เคยกลับมาให้ผมสัมผัสอีกเลย
ผมขอย้ำว่า
องค์พระผู้เป็นเจ้าแท้จริงอาจจะไม่ได้กำหนดว่า ต้องเข้าสู่นิพพานนานแค่ไหน ถึงจะเปิดเผยความลับบางส่วนของฟ้าให้รู้
ดังนั้นท่านอย่าได้ดูถูกตำนานหรือนิยายของฟ้าเรื่องนี้โดยเด็ดขาด มันไม่ใช่เรื่องไร้สาระอย่างแน่นอน
ทำไมผมจึงเชื่อเช่นนั้น
วันที่ผมเขียนตำนานหรือนิยายของฟ้าเรื่องนี้เสร็จ ผมได้เล่าตำนานเรื่องนี้ให้น้องชายของผมฟัง
น้องชายของผมบอกว่า ทำไมเขาได้กลิ่นหอมดอกไม้ที่ไม่เคยรู้จักมาก่อน หอมฟุ้งไปหมด แล้วก็มีกลิ่นธูปด้วย
สักพักหนึ่งผมก็ได้กลิ่นดอกไม้นี้ด้วย บ้านผมและบริเวณนั้นไม่เคยมีใครปลูกดอกไม้ที่มีกลิ่นหอมเลยโดยเฉพาะกลิ่นหอมแบบนี้
ยิ่งไม่มีแน่นอน แต่ผมเคยมีประสบการณ์การได้กลิ่นดอกไม้สวรรค์จากตัวของเทพที่ชื่อว่าตี่
ดังนั้นผมจึงไม่แปลกใจในกลิ่นดอกไม้สวรรค์เหล่านี้ แต่น้องผมบอกว่า
“ กูขอไปนอนก่อนดีกว่า กลิ่นดอกไม้สวรรค์มาแบบนี้ กูอยู่ไม่ได้แล้ว ”
อย่างไรก็ตาม
น้องผมก็ทนฟังผมเล่าเรื่องตำนานของฟ้าจนจบ เขาโต้เถียงแบบไม่เชื่อถือ อ้างว่าพระเจ้าไม่มีจริง
ผมก็เลยบอกเขาไปว่า ให้เขาลืมไปเลยเกี่ยวกับพระเจ้าที่เป็นผู้สร้างสสารหรืออัตตา ต้องเอาความคิดนี้ออกจากหัว
เพราะว่า พระเจ้าแท้จริงไม่เคยสร้างอะไรที่เป็นแบบนั้น มนุษย์หลงไปคิดเองว่า พระองค์เป็นผู้สร้างสสารหรืออัตตา
พระพุทธเจ้าจึงปฏิเสธเรื่องพระเจ้าในสมัยนั้น แต่ผมก็อธิบายอะไรมากความให้น้องชายฟังไม่ค่อยได้
ลิ้นมันจุกปากผม เป็นผลจากความดันโลหิตผมสูงมากๆ และมีไขมันและคลอเรสเตอรัลอุดตันในเส้นเลือด
ทำให้เส้นเลือดที่หัวสมองผม มันค่อนข้างตีบตัน กระทบถึงประสาทการพูดพอผมคุยกับน้องชายเสร็จ
ผมก็กลับขึ้นไปบนบ้าน ทั่วทุกแห่งที่ผมผ่านไป มีกลิ่นดอกไม้สวรรค์เต็มไปหมด ผมเห็นผิดสังเกต
เลยนั่งทำสมาธิ ขอเจรจากับเหล่าเทวดานางฟ้าที่มาหาผม ผมบอกว่า ถ้าพวกท่านมาหาผม เพราะผมหมดหน้าที่ในโลกมนุษย์แล้ว
จะรับผมไปสวรรค์ ผมขอกราบขอบพระคุณ แต่ผมยังไม่ขอไปเด็ดขาด ผมต้องเขียนหนังสือผีอำประตูลับสู่โลกวิญญาณเล่ม
2 ตอนศาสนาพุทธที่เชื่อในเรื่องพระเจ้าแท้จริงให้เสร็จ และทำการแจกจ่ายให้หมดสิ้นก่อน
ผมถึงจะยอมไป บัดนี้ผมเชื่อว่า ผมได้ไขความลับเรื่องนิพพานและเรื่องพระเจ้าแท้จริงออกแล้ว
ด้วยเหตุนี้ เหล่าเทวดานางฟ้า จะมารับผมขึ้นสวรรค์ตอนนี้ไม่ได้เป็นอันขาด ผมไม่กลัวตาย
และไม่ยึดมั่นในขันธ์ของผมมากนัก แต่ผมมีหน้าที่ต้องทำ หวังว่าพวกท่านคงเข้าใจอย่างไรก็ดี
ถ้าพวกท่านไม่ได้มารับตัวผม แต่มาหาผมเพียงเพื่อฟังเรื่องตำนานความลับของฟ้า ที่ผมเล่าให้น้องชายฟัง
ผมก็ขอขอบพระคุณ ผมเป็นแค่คนธรรมดาสามัญเท่านั้น อีกอย่างเรื่องที่ผมเล่าออกไป แม้แต่น้องชายผม
ยังไม่เชื่อเลย ส่วนตัวผมเอง ผมก็ยังสงสัยเหมือนกันว่า ฟ้าเปิดเผยเรื่องนี้ให้ผมรู้จริงหรือพวกท่านเหล่าเทวดานางฟ้า
เล่นแห่กันมาเต็มบ้านผม ขนาดน้องชายผมยังกลัวเลยส่วนตัวผมเองก็กลัวเหมือนกัน ไม่แน่ใจว่า
พวกท่านมากันมากมายขนาดนี้ เพราะเหตุใด มาเพราะผมถึงฆาตแล้วหรือ ถ้าไม่ใช่ ขอเชิญพวกท่านกลับไปก่อน
หยิบหนังสือของผมไปคนละเล่มก็ได้ ( เมื่อพิมพ์เสร็จ ) ไปนั่งอ่านเล่นบนสวรรค์ให้สบายดีกว่า
คืนนั้นผมหลับสบาย
จนกระทั่งถึงวันนี้
เวลาก็ผ่านมาหลายเดือนแล้ว ผมยังไม่เคยได้กลิ่นดอกไม้สวรรค์แบบนั้นอีกเลย แต่แม่ผมยืนยันว่า
ผมมีกลิ่นหอมประหลาดติดตัวจริงๆ ช่วงหลายวันหลังจากที่ผมเขียนหนังสือจบ น้องผมผู้โต้เถียงกับผม
ได้ถูกเทวดาหรือนางฟ้าบางองค์อำร่างแบบเบาๆ พอหอมปากหอมคอในคืนนั้น คิดว่าเป็นการเตือน
ไม่มีอะไรซีเรียส เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ ใครจะเชื่อหรือไม่เชื่อ เป็นสิ่งที่บังคับกันไม่ได้
บางท่านอาจจะคิดว่า มันเป็นเรื่องอจินไตยที่ไกลตัวอย่างมาก รู้ไปก็ไม่มีประโยชน์ เขาก็มีสิทธิคิด
แต่สำหรับผม ตั้งแต่เริ่มจำความได้ ตอนเด็กๆผมเคยอธิษฐานจิตว่า ผมต้องรู้ความลับของฟ้า
เรื่องพระเจ้าแท้จริงและเรื่องศาสนาให้ได้ บัดนี้ความอยากรู้อยากเห็นของผม ผมก็ได้รับคำตอบแล้วทุกอย่างสิ้นสุดลงแล้วในหนังสือฉบับนี้
แล้วผมจะกลับมาเกิดใหม่ในชาติหน้า เพื่ออ่านหนังสือของผมเล่มนี้
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น