A A

1-3 ความเจริญสุดขีดของมนุษย์ย้อนมาเล่นตลกกับมนุษย์

เมื่อวิทยาศาสตร์ได้เจริญสุดขีด ความเจริญสุดขีดของมนุษย์ ได้กลับมาเล่นตลกกับมนุษย์เสียเอง เพราะในที่สุด นักวิทยาศาสตร์สามารถหาเจออนุภาคที่เล็กที่สุดจนได้ เรียกว่า “ควาร์ค” แต่อนุภาคนี้กลับแสดงตัวว่า มันเป็นพลังงานที่อัดกันแน่นเหมือนถูกแช่แข็ง(frozen energy) พูดง่ายๆก็คือ อณูที่เล็กที่สุดของสสารหรือควาร์ค สิ่งนี้เป็นองค์ประกอบของทุกสรรพสิ่ง แต่ทว่า มันไม่ได้เป็นอัตตาหรือเป็นสสาร มันกลับกลายเป็นพลังงาน หรือเป็นอนัตตาไม่ได้มีตัวมีตนแต่อย่างใด
การเจอควาร์คครั้งนี้ ผมเชื่อว่า มนุษย์ได้เจอสิ่งที่ก่อเป็นรูป เพื่อลวงจิตของมนุษย์แล้ว สิ่งนั้นก็คือควาร์คนั่นเอง เพราะว่าควาร์คเป็นพลังงาน ไม่มีตัว ไม่มีตน เป็นอนัตตา ด้วยเหตุนี้ ทุกอย่างในจักรวาล ซึ่งมีควาร์คเป็นองค์ประกอบ จึงไม่มีอะไรเลยที่มีตัวตนอยู่จริง ควาร์ค เพียงแต่รวมกลุ่มอัดกันแน่นเหมือนถูกแช่แข็ง ก่อเป็นรูปขึ้นมาเป็นสรรพสิ่งในจักรวาล ทำให้มนุษย์เห็น และรับรู้เสมือนว่า ทุกสรรพสิ่งในจักรวาลมีตัวมีตน มีกายภาพและเป็นอัตตา ทั้งๆที่ความจริงแล้ว พวกมันไม่มีตัวตน และไม่เคยมีอยู่เลย พวกมันเป็นอนัตตาทั้งสิ้น การเป็นอยู่ของควาร์ค ก็มีวิถีทางที่น่าอัศจรรย์อย่างยิ่ง คล้ายมันมีจิตใจ(conscious) และมีความรู้ที่เป็นสัพพัญญูซ่อนอยู่เบื้องหลังสิ่งที่เรียกว่า“สสาร” ความรู้เหล่านี้ถือได้ว่าเป็นปัญญาสากล ครอบคลุมอยู่ทั่วทั้งจักรวาล ด้วยเหตุนี้เหล่านักวิทยาศาสตร์เลยพากันเชื่อว่า พวกเขาได้หาพระเจ้าจนเจอแล้ว
แต่ในทัศนะของผม พวกนักวิทยาศาสตร์ได้เจอธรรมชาติของสรรพสิ่งแล้ว สิ่งนั้นก็คือ ควาร์ค นั่นเอง แต่พวกเขาได้เจอเพียงกายขององค์พระผู้เป็นเจ้า พวกเขายังไม่ได้เจอใจของพระเจ้าจริงๆ และจะๆ พวกเขาเพียงแต่รู้ว่า มีบางอย่างที่เป็นเสมือนใจของควาร์ค คอยควบคุมควาร์คอยู่ และทำให้ควาร์คทำหน้าที่ของมัน เหมือนเป็นตัวรู้ที่มีใจเป็นหนึ่งเดียวกัน ในใจของผม ผมคิดว่า พระเจ้าที่แท้จริง ก็คือใจของจักรวาล แล้วใจของจักรวาล ก็อาจเป็นจิตของสรรพสัตว์ และจิตของสรรพวิญญาณทั้งปวงรวมทั้งจิตของเหล่าพระอรหันต์ที่นิพพานไปแล้วทุกพระองค์หรือไม่ก็ใจของจักรวาล อาจจะเป็นใจของพระเจ้าแท้จริง ซึ่งแต่เดิมพระองค์เป็นจิตที่บริสุทธิ์ พระองค์อาจจะเป็นผู้สร้างจักรวาลขึ้นมา เพื่อเป็นสนามทดสอบตัวของพระองค์เองซึ่งมีจำนวนเป็นอนันต์ โดยพระองค์เองได้สั่งให้ตัวของพระองค์ลืมทุกสิ่งทุกอย่าง ก่อนจะเดินทางเข้าไปเล่นในจักรวาล ถ้าจิตของพระองค์ดวงใดในจักรวาล ที่สามารถละกิเลส ตัณหา และอุปทานได้หมด ไม่มีเหลือ จิตดวงนั้นอาจจะได้กลายเป็นพระเจ้าแท้จริง และกลับไปรวมเป็นหนึ่งเดียวกับจิตขององค์พระผู้เป็นเจ้าแท้จริง ที่อยู่มาก่อนหน้านี้ถ้าจิตทุกดวงได้กลับไปเป็นพระเจ้าแท้จริง และรวมเป็นหนึ่งเดียวกับจิตขององค์พระผู้เป็นเจ้าแท้จริงทั้งหมดแล้ว เมื่อนั้น ความมีตัวตนของจักรวาลอาจจะสลายหายไปทันที เหลือเพียงแต่ตัวรู้แจ้งที่เป็นจิตบริสุทธิ์เท่านั้น
นักวิทยาศาสตร์หาจักรวาลจากภายนอก แต่เป็นไปได้มากว่า สุดท้ายพวกเขาอาจจะเจอจักรวาลจากภายในใจของตัวเองในอนาคต ถ้าวิทยาศาสตร์ยังคงก้าวหน้าต่อไปอย่างไม่หยุดยั้ง ตำนานหรือคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์ของศาสนาใดๆ ที่เล่าเรื่องการสร้างจักรวาล และสรรพสิ่งขององค์พระผู้เป็นเจ้าอาจจะมีการเปลี่ยนแปลงไปจากในอดีต ในบทนี้ผมจะขอเสนอตำนานหรือนิยายสมัยใหม่ ซึ่งผมเชื่อว่า อาจจะเป็นความลับของฟ้า เรื่องการสร้างจักรวาลและสรรพสิ่งขององค์พระผู้เป็นเจ้าที่แท้จริง ตำนานหรือนิยายเรื่องนี้ อิงกับพุทธศาสนาและวิทยาศาสตร์ควอนตั้มฟิสิกส์ส่วนการเรียบเรียง และการปะติดปะต่อเรื่องทั้งหมด มันออกมาจากจิตของผม หลังจากผมได้ประยุกต์เอาพุทธศาสนาและควอนตั้มฟิสิกส์เข้าไปแล้ว

ความคิดเห็น